ตอนที่ 3/4 ปิดบัญชี @ ตัวอย่างเอกสาร “ใบรับเงิน” มาตรา 35 (7) ความช่วยเหลืออื่นใด กับครอบครัวคุณจินตนา ดีที ได้รับสิทธิตามมาตรา 35 มูลค่า 112,420 บาท ในการทำอาชีพร้านกาแฟโบราณและทำเบเกอรี่ จ.สมุทรสาคร จากบริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน)


สวัสดีครับทุกท่าน บทความนี้เป็นบทความที่ผมตั้งใจว่า จะทำให้กับครอบครัวคนพิการทุกครอบครัวที่ได้รับสิทธิตามมาตรา 35 โดยจะแบ่งเป็น 4 ตอน มีตอน ¼ การใช้สิทธิ์ ตอน 2/4 การดำเนินการ ตอน ¾ ปิดบัญชี และตอน 4/4 ส่งมอบงาน สำหรับบทความนี้เป็น “ตอน ¾ ปิดบัญชี” ของคุณจินตนา ดีที  ที่ได้รับการส่งเสริมอาชีพร้านกาแฟโบราณและทำเบเกอรี่ จากบริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรา “มาม่า” ซึ่งกรณีของคุณจินตนา ดีที จะเป็นอีกตัวอย่างที่น่าสนใจและผมนำมาแบ่งปันให้ทุกท่านได้อ่านกันครับ


สัมภาษณ์ คุณจินตนา ดีที

ปรีดา: สวัสดีครับพี่จินตนา ครั้งนี้ถึงคิวพี่แล้วนะครับ ที่ผมจะมาขอสัมภาษณ์ “ตอนที่ ¾ ปิดบัญชี” เพราะพี่จินตนาทิ้งช่วงจากคุณฐานิดา พอสมควร เนื่องจากวัสดุอุปกรณ์ของพี่จินตนา ต้องมีการสั่งทำ เนื่องจากเป็นสแตนเลสเกือบทั้งหมด ถ้าผมจำไม่ผิดนะครับ จากการที่ได้เคยพูดคุยกันทางโทรศัพท์ไว้ครับ

พี่จินตนา: สวัสดีค่ะคุณปรีดา ใช่ค่ะ คือของที่จิน ต้องการและได้ส่งเรื่องเสนอราคาไปตอนที่ขอโครงการไปนั้น หลายรายการต้องมีการวัดขนาดพื้นที่ที่เราจะนำไปใช้งานค่ะ และยังเป็นสแตนเลสด้วยค่ะ จึงต้องนำเงินที่ได้รับจากบริษัทมาม่า ไปซื้อเครื่องมือต่างๆ ได้ส่วนหนึ่ง อีกส่วนจินต้องสั่งทำค่ะ ซึ่งทางร้านที่จินไปซื้อ เขาก็เร่งดำเนินการให้ค่ะ ซึ่งตอนนี้ก็เสร็จเรียบร้อยทุกอย่าง 100% แล้วค่ะ

ปรีดา: ครับพี่จิน ผมดูรูปภาพที่พี่ส่งมาให้ผม ผมยังดูรูปไปยิ้มไป จนหนูนา (ลูกสาว) ถามผมว่า ป๊าเป็นอะไร ยิ้มคนเดียวด้วย คุณเจี๊ยบ (ภรรยา) เลยเดินมาดูว่า ผมยิ้มอะไร คุณเจี๊ยบก็ดีใจไปกับพี่จิน ด้วยนะครับ ผมยังนึกถึงคำพูดของพี่เลยครับว่า “จินจะใช้เงินของบริษัทมาม่าให้คุ้มค่าที่สุด” แล้วภาพที่ผมเห็น ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ครับ

พี่จินตนา: ใช่ค่ะคุณปรีดา จินสั่งทุกอย่างเป็นสแตนเลสทั้งหมดค่ะ จินอยากให้ทางผู้ใหญ่ของบริษัทมาม่า เห็นว่า เงินของมาม่ามีค่ามากแค่ไหน ทุกบาททุกสตางค์ทำให้จินมีอาชีพ มีร้านค้า มีของดีๆ ที่จะใช้ไปอีกนานเท่านาน ส่วนไหนที่จินดูแลตัวเองได้จินจะพยายาม ลูกสาวก็ช่วยด้วย ร้านกาแฟและชุดทำเบเกอรี่ที่ได้รับนี้จะเป็นศูนย์รวมของครอบครัวจินเลยค่ะ

ปรีดา: เป็นศูนย์รวมยังไงครับพี่จิน ผมอยากฟังครับ

พี่จินตนา: ค่ะ เริ่มจากคุณแม่ก่อนเลยค่ะ ท่านภูมิใจ ดีใจมาก จินบอกแม่ตลอดเวลาว่า ที่ครอบครัวเรามีทุกวันนี้ได้ เราได้ของดีๆ เครื่องมือเครื่องไม้ดีๆ จากเงินแสนกว่าบาทจากบริษัทมาม่า ก็เพราะจินใช้สิทธิคนพิการของแม่นะ (พี่จินน้ำตาซึม) แม่จินก็ดีใจมาก ยิ้มมีความสุข สิทธิ์แสนกว่าบาทตรงนี้ ทำให้แม่พี่มีชีวิตชีวา จากเดิมที่สิทธิ์ของแม่จินเคยถูกโกงไปตามที่จินไปร้องเรียนกับคุณปรีดา แต่วันนี้ครอบครัวเรามีความสุขมากกับสิทธิคนพิการของคุณแม่ค่ะ

ส่วนลูกสาวจินที่ทำงานออฟฟิศ ลูกสาวบอกว่าตอนนี้คงยังออกจากงานมาช่วยจินไม่ได้ เพราะยังไม่รู้ว่ารายได้จากการทำเบเกอรี่จะได้มากน้อยแค่ไหน แต่ลูกสาวจินก็จะทำทุกอย่างเต็มที่จากตรงนี้ไปก่อน จะใช้โลกโซเชียล จะขายที่สำนักงานรับออเดอร์มาให้ ใครให้ส่งก็จะวิ่งส่งให้ จินยังคุยกับลูกสาว ปรึกษากันว่า เราจะตั้งชื่อเบเกอรี่ของเราว่าชื่ออะไร ลูกสาวจินเสนอว่า “เหรียญเบเกอรี่” ค่ะ

ปรีดา: มาจากความหมายอะไรครับพี่จิน “เหรียญเบเกอรี่”

พี่จินตนา: เป็นชื่อคุณแม่จินเองค่ะ ลูกสาวเสนอค่ะ ลูกสาวบอกว่า การที่ครอบครัวเราได้ทั้งชุดทำเบเกอรี่ และชุดร้านกาแฟโบราณ ก็เพราะสิทธิของยาย เราต้องใช้ชื่อของยายมาตั้งค่ะ



ติดตั้งส่งมอบ ชุดอุปกรณ์ร้านกาแฟโบราณ (พี่จินตนา พาคุณยายเหรียญ มาร่วมรับส่งมอบอุปกรณ์ด้วยกันครับ)


พี่จินตนา ดีที กับคุณยายเหรียญ ถ่ายภาพกับวัสดุอุปกรณ์ร้านกาแฟโบราณ ครับ



ส่งอุปกรณ์ร้านกาแฟโบราณเสร็จแล้ว กำลังเดินทางไปบ้านพี่จินตนา ดีที เพื่อส่งเตาอบและอุปกรณ์เบเกอรี่ครับ



เตาอบติดตั้งที่บ้านพี่จินตนา ดีที เรียบร้อยครับ (ถ่ายคู่กับคุณแม่ หรือคุณยายเหรียญ) 


ปรีดา: ครับพี่จิน ผมเข้าใจที่พี่จินพูดแล้วว่า โอกาสที่ได้รับจากบริษัทมาม่า ในครั้งนี้ทำให้ เครื่องมือร้านกาแฟโบราณและทำเบเกอรี่เป็นศูนย์กลางของครอบครัวอย่างไร เพราะนอกจากคุณแม่จะภูมิใจในสิทธิ์ของตนเองแล้ว ลูกสาวก็เข้ามามีส่วนร่วมในการขายออนไลน์และการตั้งชื่อยายด้วย ครับ

ปรีดา: ผมเห็นในภาพตอนที่พี่ไปซื้อสินค้าครั้งล่าสุด เจ้าของร้านดูแฮบปี้มากเลยครับ มีถ่ายภาพตอนให้เงินกันด้วย คุยอะไรกันบ้างครับ

พี่จินตนา: ค่ะ ตอนนี้สนิทกับเจ้าของร้านมากค่ะ บริการดีมาก แนะนำจินทุกเรื่องที่ดีๆ ให้กับเรา ถ้ามีใครจะซื้อข้าวของอุปกรณ์ร้านกาแฟโบราณ หรือทำเบเกอรี่ จินก็จะแนะนำให้ไปที่ร้านนี้ค่ะ ชื่อร้าน ส.กิจไพบูลย์ ค่ะ ภาพนั้นคือเจ้าของร้านขอถ่ายภาพด้วยตอนจ่ายเงิน เขาอยากถ่ายค่ะ ดีใจไปกับเราว่าเราได้เงินแสนกว่าบาท ได้ซื้อขอทุกอย่าง อย่างดีมีคุณภาพทั้งหมด เขายังชมจินว่า ซื้อแต่ของดีๆ ทั้งหมดทุกอย่าง

และเราก็ยังคุยกันถึงเรื่องที่นายกสมาคมคนพิการ แค่มาหลอกถามราคาที่ร้านของเขา แต่ไม่ได้มาซื้อ ถ้าของจริงต้องอย่างที่จินทำ มาถามราคาให้เสนอราคา แล้วก็มาซื้อกับเขาจริงๆ และยังซื้อของดีอีก

เจ้าของร้าน (ขวา) ส.กิจไพบูลย์ ถ่ายภาพส่งมอบเตาอบและอุปกรณ์เครื่องมือกับพี่จินตนา ดีที (ขวามือ) ครับ



พี่จินตนา กับเจ้าของร้าน ส.กิจไพบูลย์ ถ่ายภาพจ่ายเงินค้าอุปกรณ์เครื่องมือ ชุดกาแฟโบราณและบเกอรี่ ครับ

ปรีดา: ครับพี่จิน พวกตัวกลางเช่นสมาคม/ มูลนิธิคนพิการ ล่าสุดผมเจอเรื่องร้องเรียน ในจังหวัดระยอง จำนวน 40 คน มูลนิธินี้เอาเงินไปทั้งหมด บังคับให้เปิดบัญชีกับเอทีเอ็ม ยึดไปทั้งหมดแล้วจัดซื้อของอุปกรณ์เครื่องมือให้เองทั้งหมด ของจริงราคา หมื่นกว่าบาท มันระบุในใบเสร็จ 3 หมื่นบาท โกงทุกรายการเหมือนนนายสมาคมคนพิการที่อยู่ในจังหวัดเดียวกับพี่นี่ละ พวกโกงมันจะมีดีเอ็นเอพันธุกรรมโกงเหมือนกันทุกจังหวัดครับ

พี่จินตนา: ค่ะคุณปรีดา แล้วเรื่องของเราที่จะไปรวมตัวกันยื่นหลักฐานเพิ่มเติมที่ สภอ.กระทุ่มแบน ตามที่นัดหมายใช่ไหมค่ะ

ปรีดา: ใช่ครับ วันที่ 28 พ.ค.63 เวลา 10.00 น. ตามนัดครับ ให้ทุกคนที่แจ้งความดำเนินคดีไปพร้อมกันครับ ครั้งนี้ผมจะไปเอง เอาหลักฐานที่มัดตัวนายกสมาคมคนพิการคนนี้ให้อยู่หมัด ให้ทาง สภอ.กระทุ่มแบน ทำงานง่ายขึ้นจะได้สรุปสำนวนส่งฟ้องไปยังสำนักอัยการจังหวัดต่อไป ทาง ปปง. จะได้เดินหน้าทำงานง่ายขึ้น การที่พี่จินได้สิทธิมาตรา 35 (7) ความช่วยเหลืออื่นใด ในการส่งเสริมอาชีพร้านกาแฟโบราณและชุดเครื่องมือทำเบเกอรี่ มูลค่า 112,420 บาท พิสูจน์ได้จากใบรับเงินที่จะแสดงให้ทุกท่านได้ดูได้อ่านได้เข้าใจในตอนท้ายบทสัมภาษณ์นี้

ซึ่งจะเป็นสิ่งพิสูจน์ให้ได้เห็นว่า การส่งเสริมอาชีพให้กับคนพิการและครอบครัวนั้น หากนำมาปฏิบัติตามกรอบของกฎหมายอย่างแท้จริงแล้ว กฎหมมายฉบับนี้จะสามารถนำพาคนพิการและครอบครัวที่ต้องมาดูแลคนพิการ สามารถหลุดพ้นจากความยากจน หลุดพ้นจากความลำบากได้ เงินที่มีมูลค่าเท่ากัน พอไปผ่านสมาคม/ มูลนิธิที่มีนายกสมาคมหรือผู้นำที่โกง คนพิการและครอบครัวก็แทบไม่ได้อะไร ตรงกันข้าม ถ้ามาถึงมือคนพิการและครอบครัวอย่างเต็มมูลค่าและเป็นอาชีพที่ทำจริง เงินก้อนเดียวกันกับมีคุณค่ามหาศาล สามารถเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตได้อย่างไม่น่าเชื่อครับ ตัวอย่างเช่นทุกๆ ครอบครัวที่บริษัทมาม่า เป็นผู้สนับสนุนครับ

พี่จินตนา: ใช่ค่ะ แต่ก็ต้องเป็นตัวกลางที่ดีอย่างคุณปรีดา ด้วยนะค่ะที่ไม่หักค่าอะไรเลย ซึ่งไม่มีใครทำแบบที่คุณปรีดาทำ คนอื่นเขาหักกันทั้งนั้นค่ะ

ปรีดา: เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ พวกเราคงต้องเดินหน้าเปิดโปงความจริงและการทุจริตต่อไป เพราะว่า สังคมต้องรู้ว่า มีงบประมาณมากมายแทบทุกกองทุนที่พวกโกงมันรู้ มันได้ของมันทุกปี มันได้เงินบริหารจัดการชีวิตโกงๆ ของพวกมันไปแล้ว บางสมาคมได้ถึง 30 ล้านบาท ดังนั้นเงินของสิทธิคนพิการมันไม่ควรจะโกงแล้ว พวกนี้มันไม่พอมันได้แล้วมันก็อยากได้อีก มันมีบ้าน 1 หลังมันไม่พอมันอยากมีเพิ่มไปเรื่อยๆ นายกสมาคมบางคนถึงขนาดมีเมียหลายคน ซื้อบ้านให้ทุกคน ซื้อรถให้ทุกคน อย่างนี้มันไม่ใช่แล้ว มาเอาของคนพิการไปเสวยสุขให้ตัวเองครับ

พี่จินตนา: ค่ะ นายกที่จังหวัดสมุทรสาคร เหมือนกันเอาเงินทีโกง ไปซื้อที่ดินแถวจังหวัดในภาคอีสานค่ะ

ปรีดา: ผมมั่นใจนะครับว่า เรื่องการโกงสิทธิ์คนพิการที่สร้างความเสียหายอยู่นี้มีขอบเขต ไม่ได้มีการขยายขึ้นด้านบนมาก เพียงแต่ขยายตัวแนวระนาบทางกว้าง เพราะคนพิการไม่ค่อยรู้กฎหมาย ทำให้ไม่รู้สิทธิ์ตัวเอง เมื่อรู้ตัวว่านายกสมาคมต่างๆ ที่ผิดนั้น แล้วเหนือกว่านั้นเคลียร์กันจบแล้วตีกรอบความเสียหายจบแล้ว เราจะเห็นภาพข่าวการไล่อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์ กลุ่มผู้นำคนพิการและข้าราชการระดับกรมส่วนใหญ่ ระดับกระทรวงส่วนหนึ่ง เพื่อสร้างความชอบธรรมปกปิดกลุ่มนายใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง ดังนั้นในขณะที่เรากำลังต่อสู้กับการต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่น เราก็ต้องมุ่งหน้าทำตัวอย่างที่ดีที่ถูกต้องให้สังคมเห็นเป็นประจักษ์ ซึ่งกรณีการได้รับสิทธิมาตรา 35 ของพี่จิน จากบริษัทมาม่า ก็เป็นตัวอย่างที่ดีและถูกต้อง 100% ครับ

พี่จินตนา: ใช่ค่ะคุณปรีดา จินมีกำลังใจฮึดสู้กับคำพูดที่ถูกดูถูกจากปากของผู้บริหารของสถานประกอบการที่ให้เงินผ่านนายกสมาคมคนพิการคนนี้ และในที่สุดทางบริษัทมาม่า ก็ทำให้ศักดิ์ศรีตรงนี้ของจินกลับมา ทำให้คนในครอบครัวของจิน และคนรอบข้าง เชื่อถือในคำพูดของจินค่ะ

ปรีดา: โอเคเลย อารมณ์ขึ้นทุกครั้งสัมภาษณ์ทุกคนที่ถูกโกงมาก่อนครับ หลายๆ เรื่องต้องใช้เวลาช่วย เราทำดีที่สุดในฐานะคนธรรมดาที่ไม่มีอำนาจในมือเหมือนพวกข้าราชการกับกลุ่มทุจริตที่กินข้าวโต๊ะเดียวกัน ให้พวกมันทะเลาเคลียร์กันให้จบ เดี๋ยวมันก็โยนคนที่พวกมันคัดทิ้งออกมาเอง เราไม่ต้องทำอะไรมาก เรามุ่งหน้าทำตัวอย่างที่ดีให้สังคมไทยเห็นก็พอครับ

พี่จินตนา: ค่ะ จินจะตั้งใจใช้เงินที่ได้จากบริษัทมาม่า สัมมาอาชีพร้านกาแฟโบราณและทำเบเกอรี่ ที่จินควรได้ตั้งหลายปีแล้ว แต่พึ่งได้รับจากบริษัทมาม่าในปี 2563 นี้ ให้ทุกๆ คนเห็นกันเป็นตัวอย่างค่ะ ว่าถ้าพวกเราคนพิการและครอบครัวคนพิการ ไม่ถูกเบียดเบียน ไม่ถูกโกงไป พวกเราก็จะมีอาชีพไม่เป็นภาระใคร กฎหมายมีไว้ให้ช่วยเหลือคนพิการให้ได้ลืมตาอ้าปาก ไม่ได้มีไว้ให้พวกทุจริตคอรัปชั่นมาโกงไป จินจะทำให้ดูคะ ครอบครัวจินจะช่วยกันค่ะ

ปรีดา: ดีครับ เยี่ยมมากครับ แล้วเรื่องป้ายไปถึงไหนแล้วครับ ผมหมายถึงป้ายที่จะติดว่าได้รับเงินสนับสนุนจากบริษัทมาม่า ครับ

พี่จินตนา: ค่ะ อย่างนี้นะค่ะ คือสถานที่ ที่จินขายกาแฟโบราณ ไม่มีพื้นที่ที่ติดป้ายไวนิลแล้วดูดีเลยค่ะ คือสถานที่ไม่เหมาะสม จินจึงตัดสินใจทำเป็นลักษณะกรอบรูปภาพติดผนังค่ะ จินตั้งใจทำเป็นกรอบภาพวิทยาศาสตร์ อยู่ได้นาน จินจะแขวนไว้หรืออาจจะตั้งให้เห็นแล้วพับเก็บเวลาเก็บร้านค่ะ ให้ทำร้านใหม่เสร็จแล้ว จินจะดูพื้นที่อีกทีค่ะ แต่ตั้งใจเลยว่า จะตั้งให้ใครผ่านไปผ่านมาเห็นและถามจิน และจินก็จะตอบว่า ที่จินมีวันนี้ได้เพราะทางบริษัทมาม่าให้การสนับสนุนค่ะ


ปรีดา: อืม ผมตั้งใจว่าจะให้พี่จินขอบคุณทางบริษัทมาม่า ด้วนยนะครับ แต่ที่เมื้อกี้พี่จินพูดไป เหมือนขอบคุณทางมาม่าแล้วเลยครับ (หัวเราะ) แต่ยังไงก็อยากให้ขอบคุณทางมาม่า เป็นทางการอีกทีครับ

พี่จินตนา: ได้ค่ะ จินอยากบอกคุณปรีดานะค่ะ สำหรับคำขอบพระคุณให้กับบริษัทมาม่า ต่อให้จินจะต้องพูดอีกกี่ครั้ง ร้อยครั้ง พันครั้ง จินก็พูดได้ตลอดค่ะ จินและครอบครัว คุณแม่จิน ลูกสาว ต้องขอขอบพระคุณผู้ใหญ่ของทางบริษัทมาม่าทุกท่านค่ะ เงินทุนสนับสนุนแสนกว่าบาทของมาม่า มีค่ามากกับครอบครัวเรา คุณแม่ภูมิใจทุกครั้งที่เราคุยกันเรื่องนี้ ลูกสาวเข้ามาช่วยจิน ทั้งตั้งชื่อ ทั้งเรื่องขายออนไลน์ และเรื่องการคิดสูตรทำขนม ครอบครัวจินกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ศักดิ์ศรีของจินกลับมาอีกครั้ง จินและครอบครัวจะทำตรงนี้ให้ดีที่สุด ให้เงินของมาม่าคุ้มค่ามากที่สุดค่ะ จินขอบพระคุณผู้ใหญ่ทุกท่านอย่างสูงอีกครั้งค่ะ

ปรีดา: ขอบพระคุณพี่จินมากครับ กับบทสัมภาษณ์ที่ได้อรรถรสอีกรูปแบบหนึ่งครับ

ปรีดา: ผมคิดว่ามาถึงส่วนสำคัญมากๆ ของบทความในตอนที่ ¾ นี้แล้วครับ คือการนำ “ใบรับเงิน” และใบเสร็จรับเงินมาแสดงให้ทุกท่านได้เห็นว่าคุณจินตนา ดีที ได้ใช้เงินที่ได้รับจากบริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) อย่างคุ้มค่าและตรงกับวัตถุประสงค์ของโครงการ อีกทั้งจะยังเป็นต้นแบบ ตัวอย่างที่ดี ของผู้ใช้สิทธิมาตรา 35 ซึ่งก็คือคนพิการและผู้ดูแลคนพิการ กับสถานประกอบการที่มีความประสงค์จะช่วยเหลือครอบครัวคนพิการอย่างแท้จริงครับ










ทุกท่านครับ บทความทุกๆ บทความในเว็บไซต์นี้ ผมไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่า ผมอยากให้คนพิการ ผู้ดูแลคนพิการ และคนในครอบครัวที่มีคนพิการ ได้รู้ว่า คนพิการ 1 คนนั้นมีสิทธิอันชอบธรรมตามกฎหมายที่จะได้รับการส่งเสริมอาชีพในแต่ละปีมากถึง 80,000 คน มีมูลค่าต่อคนจำนวน 112,420 บาท ถ้าทุกท่านตามอ่านทุกบทความจะรู้ว่า การกระทำที่ถูกต้อง การสนับสนุนที่ถูกต้องนั้น ต้องทำแบบอย่างบริษัทมาม่า หรือบริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ตัวกลางส่วนใหญ่ในประเทศ สมาคม มูลนิธิต่างๆ มีงบประมาณกระทรวงให้อยู่แล้ว ต้องไม่มีการคิดค่าดำเนินการใดๆ กับมาตรา 35 (3) จ้างเหมาบริการ และ (7) ความช่วยเหลืออื่นใด โครงการที่ดีนั้น คนพิการและผู้ดูแลคนพิการจะได้รับเต็มเม็ดเต็มหน่วย คนพิการและครอบครัวอย่าตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มทุจริตคอรัปชั่น อย่าหวังเงินส่วนน้อยที่เขาให้มา หากร่วมโกงด้วยบาปกรรมก็จะติดตัวไปทุกภพทุกชาติ สถานประกอบการก็เช่นกัน เมื่อสถานประกอบการรู้แล้วว่า สมาคม มูลนิธิ แห่งใดกระทำความผิดทุจริตบิดเบือนกฎหมาย สร้างเวรสร้างกรรม สถานประกอบการแห่งนั้นก็ควรหยุดให้การสนับสนุนในปีถัดไป ผู้ไม่รู้คือผู้ไม่ผิด แต่เมื่อรู้แล้วยังสนับสนุนต่อขอให้เดาได้เลยว่ามีคนในองค์กรของท่านอาจจะกำลังร่วมทุจริตกับสมาคม มูลนิธิแห่งนั้นครับ

สัมภาษณ์เมื่อ 25 พฤษภาคม 2563
พิมพ์เมื่อ 31 พฤษภาคม 2563

สำหรับโครงการ
 Workable Organization หากคนพิการและผู้ดูแลคนพิการได้เข้าร่วม ก็จะได้รับสิทธิมาตรา 35 เช่นเดียวกันกับหลายๆ ท่านที่ได้รับโอกาสดีๆ จากบริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ในเว็บไซต์ รวมถึงพี่จินตนา ดีที ในบทความนี้เช่นเดียวกันครับ

ส่วนตัวผมเชิญชวนคนพิการและครอบครัวนะครับ ในการเข้าร่วมโครงการกับเรา Workable Organization ร่วมสมัครเป็นสมาชิกกับเรา อ่านรายละเอียดทั้งหมดก่อนตัดสินใจที่ลิงก์เว็บไซต์นี้ครับ https://workableorganization.blogspot.com/



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น