ตัวอย่างเอกสารมาตรา 35 (7) ความช่วยเหลืออื่นใด กับครอบครัวพี่จินตนา ดีที ได้รับสิทธิตามมาตรา 35 มูลค่า 112,420 บาท ในการทำธุรกิจร้านกาแฟโบราณและทำเบเกอรี่ จ.สมุทรสาคร จากบริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน)

สวัสดีครับทุกท่าน สำหรับบทความชุดตัวอย่างเอกสารมาตรา 35 (7) ความช่วยเหลืออื่นใด ที่ทางบริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ได้ให้การสนับสนุนในปี พ.ศ.2563 มีความน่าสนใจหลายมุมมอง กรณีของครอบครัวพี่จินตนา ดีที ที่เคยถูกโกงสิทธิมาตรา 35 มาแล้ว พบกับทสัมภาษณ์ที่อารมณ์บ้านๆ แต่จริงใจ และประทับใจกับการได้รับโอกาสดีๆ ด้วยกันครับ และท้ายบทสัมภาษณ์ เราขอนำตัวอย่างเอกสารมาตรา 35 ที่ถูกต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับทุกท่านได้ศึกษาครับ



พี่จินตนา ดีที ผู้ได้รับสิทธิมาตรา 35

พี่จินตนา กับคุณแม่ ที่มีอาการเส้นเลือดสมองตีบ จนพิการ

ร้านกาแฟโบราณ ที่พี่จินตนา ไปเปิดร้านตั้งแต่ตี 4 ทุกวัน






สัมภาษณ์ พี่จินตนา ดีที

คำถาม: ผมรบกวนพี่จินช่วยเล่าให้พวกเราเกี่ยวกับการที่ต้องเปลี่ยนสถานะมาเป็นผู้ดูแลคนพิการครับ  เป็นลักษณะค่อนข้างการเล่าเรื่องส่วนตัวนะครับ

พี่จิน: ยินดีค่ะ ดิฉัน จืนตนา ดีที อาชีพเดิมเป็นช่างเสริมสวยเปิดร้านเสริมสวยอยู่ ต่อมาคุณแม่มีอาการเลือดไปเลี้ยงที่สมองไม่พอ หรือเส้นเลือดตีบ คุณแม่เป็นโรคหัวใจด้วยค่ะ ต้องรีบพาส่งโรงพยาบาล ไปถึงแล้วคุณหมอไม่สามารถจะฉีดยาสลายลิ่มเลือดให้ได้ เพราะเป็นโรคหัวใจ จึงนอนรอดูอาการหนึ่งคืน ตื่นเช้ามาคุณแม่ก็ขยับตัวไม่ได้ ก็เป็นอัมพฤตไปโดยปริยาย พูดไม่ได้ คุณแม่ไม่ได้รับการทำกายภาพบำบัดอะไรเลย คุณหมอให้มาดูแลที่บ้าน

คุณแม่ป่วยมาตั้ง 15 มีนาคม 2559 ทำให้ต้องเลิกกิจการเสริมสวย เพื่อมาดูแลคุณแม่ที่บ้าน แต่พี่มีอุปกรณ์เสริมสวยอยู่แล้ว มีเพื่อนบ้านมาอุดหนุนบ้าง เป็นครั้งคราวแต่ก็เทียบไม่ได้กับเปิดร้านข้างนอก ซึ่งก็ต้องหาเวลาว่างจริงๆ ถึงจะทำผมได้ เพราะคุณแม่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ตอนคุณแม่เป็นใหม่ๆ ประสบปัญหาด้านการเงินเยอะมาก เนื่องจากมีหนี้สินเก่า ลูกก็กำลังเรียน ต้องใช้เงินมาก เครียดมากค่ะ

คำถาม: แล้วพี่จินดำเนินชีวิตอย่างไรต่อ ผมอยากให้เล่ายาวไปถึงได้รู้จักสิทธิมาตรา 35 ของคนพิการได้อย่างไรด้วยครับ

พี่จิน: พี่จินมีเพื่อนที่มีแม่พิการเหมือนกัน ชื่อพี่ชัญญามาศ บ้านอยู่ใกล้กัน เขาดูแลแม่เขา เขามาเล่าให้ฟังเรื่องมีสิทธิมาตรา 35 แต่ต้องพาแม่ไปทำบัตรคนพิการหลังบัตรให้มีชื่อพี่เป็นผู้ดูแลคนพิการถึงจะได้ใช้สิทธิมาตรา 35 ได้ พี่ก็เลยต้องไปปรึกษาคุณแม่ว่าจะสามารถทำบัตรคนพิการได้หรือยัง คุณหมอก็ให้ใบรับรองแพทย์ เพราะว่าแม่เดินไม่ได้จริงๆ แต่ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดว่าจะให้คุณแม่เป็นคนพิการเพราะอยากรักษาให้หายค่ะ

พอเพื่อนมาแนะนำเกี่ยวกับการฝึกอาชีพให้เลยตัดสินใจไปทำบัตรคนพิการให้แม่ ตอนนั้นคิดถึงว่าทำผมอยู่กับบ้านก็ไม่เหมือนทำที่ร้าน แม่ไม่มีใครอยู่ด้วย พี่ต้องอยู่กับแม่ที่บ้าน ก็คิดไปว่าถ้าฝึกอาชีพทำเบเกอรี่ได้ พอดูแลแม่เสร็จ ทำความสะอาดบ้านเสร็จ จะได้ทำเบเกอรี่เป็นรายได้เสริม แต่พี่ต้องไปเป็นสมาชิกกับเขาก่อนถึงจะได้ใช้สิทธิ์ค่ะ

คำถาม: ผมอยากให้พี่จิน เล่าถึงตอนที่ไปใช้สิทธิมาตรา 35 กับสมาคมคนพิการแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรสาคร ว่าเป็นอย่างไรบ้างครับ

พี่จิน: ความคิดของพี่ คือถ้าได้ไปเข้าร่วมฝึกอาชีพ แล้วพี่จะได้เครื่องมือมาทำเบเกอรี่ พี่คิดถึงตรงนั้น มันคงจะดีมากๆ ที่ได้ดูแลแม่ไปด้วย แล้วสามารถทำเบเกอรี่ที่บ้าน ให้ลูกๆ ช่วยด้วย เป็นอะไรที่น่าจะโอเคมาก คนเราต้องใช้เงินอยากมีรายได้เสริมค่ะ แต่พอไปร่วมโครงการทำเบเกอรี่ มันไม่ได้เป็นอย่างที่คิดเลย เขาเหมือนหลอกให้เราไปร่วมโครงการ ไปถึงเขาจัดประชุมแบ่งเป็น 3 กลุ่มๆ ละ 10 คน มีขายบนรถกระบะ 10 คน อยู่กับที่ขายเป็นซุ้ม 10 คน และกลุ่มทำเบเกอรี่ 10 คน ตอนประชุมไม่ได้ให้เอกสารอะไรกับเรา มีแต่กระดาษเปล่ามาให้เซ็นต์ชื่อ แล้วที่เซ็นต์ชื่อก็มาจากที่ว่า เจ้าหน้าที่จัดหางานถามถึงรายงานการประชุมว่ามีไหม เลยกลายเป็นกระดาษเปล่าให้เซ็นต์ชื่อค่ะ

จากนั้นทางโครงการ ก็ให้ใครก็ไม่รู้มาสอนเรา พูดกันไม่รู้เรื่อง ทั้งโครงการไปแค่เพียง 10 ครั้ง แล้วกลายเป็นว่า ไปฝึกอาชีพอยู่ดีๆ มาให้รายวันเราวันละ 300 บาท 10 วันได้มา 3,000 บาท พี่ไปร่วมโครงการเพราะอยากได้เครื่องมืออุปกรณ์ทำเบเกอรี่เพื่อมาทำเป็นอาชีพ พี่ไม่ได้อยากได้ค่ารายวันๆ ละ 300 บาท วัตถุดิบอะไรพี่ก็ไม่ได้ ทั้งเครื่องมืออุปกรณ์กับวัตถุดิบมูลค่าเป็นแสนบาท พี่ได้มาแค่ 3,000 บาท ในที่สุดถึงได้ไปร้องเรียนกับคุณปรีดา นั่นละค่ะ เพราะมารู้จากคุณปรีดา ว่าควรจะได้รับเท่าไหร่ตามสิทธิมาตรา 35

คำถาม: โอเคครับพี่จิน ถึงตรงนี้ ผมสัมภาษณ์พี่จิน วัตถุประสงค์สัมภาษณ์ครั้งนี้เราจะไม่ไปเน้นเรื่องการที่พี่จินถูกโกงสิทธิมาตรา 35 จากนายสมาคมแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรสาคร เราข้ามตรงนี้ไป ผมอยากให้เล่าถึงเรื่องการไปประกอบอาชีพชงกาแฟโบราณที่ทำอยู่ดีกว่าครับเพื่อไปเชื่อมโยงกับเรื่องดีๆ ที่พี่ได้รับมากกว่าครับ

พี่จิน: ได้ค่ะ สมัยก่อนเคยทำงานสตาร์มาร์ท คล้ายๆ กับเซเว่นค่ะ อยู่ในปั๊มน้ำมันคาลเท็กซ์ ประมาณ 1 ปี เรื่องชงกาแฟคือ มีคนสอนสูตรไว้ เราก็จำเขามา เพราะสมัยก่อนมันเป็นกาแฟขวด ไม่ใช่กาแฟซองสำเร็จรูปอย่างปัจจุบัน กาแฟกี่ช้อน น้ำตาลเท่าไหร่ ครีมเท่าไหร่ พี่ชงกาแฟ ถูกปากลูกค้า ก็ได้วิชาตรงนั้นติดตัวมา ปัจจุบันที่ขายอยู่ พี่ลำบาก เพื่อนพี่จึงให้ใช้หน้าร้านฟรีไม่คิดค่าเช่า เครื่องมือก็เป็นของเพื่อนทั้งหมดค่ะ

คำถาม: เยี่ยมเลยครับ เพื่อนพี่สุดยอดมากครับ มาถึงเรื่องดีๆ อีกเรื่องดีกว่าครับ ทุกท่านที่มาอ่านจะได้ทราบ แต่ผมต้องเกริ่นก่อนว่า การที่พี่จินลุกขึ้นมาต่อสู้กับกลุ่มทุจริตโกงสิทธิ์คนพิการ ผมจึงนำเรื่องพี่จินไปเสนอกับผู้บริหารของบริษัทมาม่าครับ ชื่อเต็มคือ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) นะครับ ผมอยากให้พี่จิน เล่าถึงความรู้สึกต่างๆ เริ่มจากในห้องประชุมที่พี่จิน ไปเซ็นต์เอกสารมาก็ได้ครับ

พี่จิน: พี่ขอเล่าจากตรงนี้ก่อน พอคุณปรีดาบอกพี่ว่า พี่จะได้สิทธิมาตรา 35 จากบริษัทมาม่า พี่ดีใจมากและมีความหวังกับตรงนี้มาก ถ้าได้มาความฝันของเราจะกลายเป็นจริง เราถูกโกง เราพยายามเรียกร้องมา แล้วมาประสบความสำเร็จกับการที่บริษัทมาม่า ให้โอกาสเรา ให้เราจริง เราดีใจมากๆ วันที่คุณปรีดา ให้พี่ทำโครงการนี้ พี่ งงมากๆ เพราะพี่ไม่คิดว่าคุณปรีดา จะให้พี่ไปหาราคา เครื่องมือวัสดุเอง ทำเองทุกอย่าง เสนอราคาเอง โดยที่ไม่ผ่านคนกลาง

พี่ต้องไปดูของที่จะมาใช้ในโครงการเอง มันทำให้เรารู้สึกตื่นเต้น เราได้ประสบการณ์ ดีใจที่ทางบริษัทมาม่ามีนโยบายแบบนี้ มันทำให้เราได้ทำตั้งแต่เริ่มต้น ไปเรียนรู้ด้วยตัวเอง การที่เราจะเริ่มต้นทำกิจการอะไรก็ตาม เราต้องรู้จักอุปกรณ์ทุกอย่าง รู้ราคาต้นทุน เราไปเลือกเอง ตัดสินใจด้วยตัวเอง เรารู้สึกเลยว่า เงินที่ทางบริษัทมาม่าให้มา เราต้องใช้อย่างคุ้มค่า ในการที่เราจะวางรากฐานอาชีพของเรา มันทำให้พี่มองไปไกลถึงขนาดที่ว่า ถ้าพี่ทำไม่ได้ ลูกเราก็สามารถที่จะมาทำต่อจากเราได้ ตรงนี้มันทำให้เรามีความภูมิใจ

ตอนนี้ลูกเรายังเป็นลูกจ้างอยู่ เมื่อได้เครื่องมืออุปกรณ์ที่มาม่าให้มา เราสามารถดึงลูกของเรามาทำงานตรงนี้ได้ด้วย เป็นนายตัวเองได้ มันรู้สึกตื้นตันใจ มันบอกไม่ถูก เป็นเหมือนความฝันของเราจะกลายเป็นจริงแล้วค่ะ อุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ เป็นอย่างดี ราคาสูง พี่ไม่มีปัญญาซื้อแน่นอนถ้าไม่ได้ทางบริษัทมาม่าช่วยสนับสนุน มันคุ้มมากๆ เพราะของที่ได้มามันเป็นสแตนเลส มันแตกต่างกับโครงการเก่าที่โดนโกงสิทธิ์ไปแบบฟ้ากับเหว พี่ไปติดต่อโรงงานที่ทำผลิตโดยตรง แนะนำดีมาก ทำให้เรารู้รายละเอียดดีกว่าไปซื้อตามร้านย่อยๆ พี่ทั้งภูมิใจและดีใจ เมื่อได้รับข่าวว่าทางบริษัทมาม่า ตอบรับเราแล้ว บอกได้ตรงๆ เลยว่าตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ เล่าให้แม่ฟังว่าจะได้รับสิทธิ์จากมาม่า แม่ดีใจมาก นอนยิ้มให้พี่ตลอด

คำถาม: พี่จินครับ ผมถามต่อว่า วันที่ได้ไปเซ็นต์เอกสารที่ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) พี่มีความรู้สึกอย่างไรบ้างครับ

พี่จิน: พี่รู้สึกตื่นเต้นมาก ยิ่งพอคุณสรยุทธ เข้ามา พี่ประทับใจมากเลย เขาเป็นกันเองมากเลย คุณสรยุทธถามพี่ว่า พี่ต้องดูแลแม่ แล้วไปขายตรงไหน พี่บอกคุณสรยุทธไปว่า ขายตรงหน้าร้านของเพื่อนแถวตัวเมืองอยู่ฝั่งตรงข้ามที่บ้านอาศัยอยู่ คุณสรยุทธยังถามอีกว่าแล้วทำเบเกอรี่ที่ไหน พี่บอกไปว่าจะทำที่บ้าน เพราะกาแฟขายตั้งแต่ตี 3 ถึง 10 โมงเช้า จากนั้นจะมาดูแลแม่ที่บ้าน ระหว่างดูแลแม่ก็สามารถทำเบเกอรี่ได้ คุณสรยุทธก็พยักหน้า คุณสรยุทธเป็นกันเอง เขาสนใจเรื่องราวของเรา ตอนนี้ที่คุณปรีดาสัมภาษณ์พี่ พี่ยังขนลุกอยู่เลยนะเพราะตื้นตันมาก ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ของทางบริษัทมาม่าด้วยค่ะ

คำถาม: พี่จินบอกผมว่า มีคำพูดจะฝากถึงทางบริษัทมาม่า เชิญได้เลยครับ เพราะบทสัมภาษณ์นี้ผมจะส่งให้ผู้บริหารของบริษัทมาม่าได้อ่านด้วยครับ

พี่จิน: จินขอขอบพระคุณทางบริษัทมาม่า ที่ได้ให้ความอนุเคราะห์ เห็นคุณค่าและความไว้เนื้อเชื่อใจของผู้ดูแลคนพิการคนนี้ เมื่อจินได้อุปกรณ์เครื่องมือเหล่านี้มาเป็นอาชีพหลัก ต่อเนื่องตลอดไป จินเป็นคนไม่ลืมบุญคุณคน ถ้ามีอะไรให้จินได้ช่วยได้ตอบแทนทางบริษัทมาม่า จินยินดีทำให้ค่ะ เพราะจินเป็นจิตอาสามา 20 กว่าปี จิตใจของคนเป็นจิตอาสาไม่ลืมบุญคุณคนค่ะ จินขออวยพรให้บริษัทมาม่าเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไปค่ะ ของขายดี ปีละร้อนล้านพันล้านหมื่นล้าน นะค่ะ และจินจะติดป้ายที่ได้รับสิทธิ์จากบริษัทมาม่าไว้ที่ร้านกาแฟของจินไปตลอดชีวิตด้วยค่ะ

ปรีดา: สุดท้ายแล้ว ผมจะขออนุญาตทางบริษัทมาม่าเรื่องการเผยแพร่เอกสารสัญญาและรายละเอียดโครงการเพื่อเป็นวิทยาทานของกรณีพี่จินด้วยนะครับ งั้นส่วนตัวพี่จิน ผมขอแจ้งมือถือในบทสัมภาษณ์นี้ด้วยนะครับ หากมีใครอ่านแล้วสงสัยจะได้โทรมาสอบถามพี่จินโดยตรงครับ

พี่จิน: ยินดีค่ะ เพราะขนาดเจ้าหน้าที่ข้าราชการที่มาตรวจยังไม่เชื่อเลย บอกว่าที่ไหนก็ได้ไม่ครบทั้งนั้นละ พี่บอกเขาว่า องค์กร Workable Organization ของเราไม่มีโกงกิน เจ้าหน้าที่เขากระโดดขึ้นรถไปเลย หากมีใครสงสัยโทรมาหาพี่ได้ พี่ชื่อ นางจินตนา ดีที มือถือ 065-890-5035 ถามได้ทั้งโครงการดีๆ ของมาม่าที่ช่วย และถ้าจะถามถึงที่เรื่องที่ถูกสมาคมโกง ก็ตอบได้ด้วยค่ะ

ปรีดา: ผมขอบพระคุณพี่จินตนา ดีที มากๆ นะครับที่ได้ให้สัมภาษณ์บทความดีๆ ให้เป็นตัวอย่างกับคนพิการที่กำลังรอโอกาส จากทั้งจากบริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) และจากสถานประกอบการอื่นๆ และเพื่อเป็นอีกตัวอย่างของผู้ดูแลคนพิการที่เคยถูกโกงสิทธิ์ไป แทบไม่ได้รับอะไรเลยจากมูลค่าแสนกว่าบาท กับสถานประกอบการที่มีความตั้งใจจะช่วยมอบโอกาสดีๆ ให้กับคนพิการอย่างเช่น บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ด้วยครับ
...........................................

หลังบทสัมภาษณ์ผมขอนำตัวอย่างเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการใช้สิทธิมาตรา 35 ที่ถูกต้องให้ทุกท่านได้ทราบกัน เรื่องหนึ่งที่ผู้ใช้สิทธิมาตรา 35 (คนพิการและผู้ดูแลคนพิการ) ควรรู้และเป็นจุดสังเกตง่ายๆ หากคนพิการและผู้ดูแลคนพิการ ไปใช้สิทธิ์ผ่านตัวกลาง เช่น ชมรม สมาคม มูลนิธิ ต่างๆ ที่ทำงานด้านเอกสารไม่โปร่งใส ปกปิด ไม่อธิบายรายละเอียดให้ชัดเจน ชอบนำเอกสารฟอร์มเปล่ามาให้เราเซ็นต์ชื่อ อ้างนู่น อ้างนี่ หรือแย่ที่สุดเอากระดาษเปล่ามาให้เซ็นต์ชื่อ ให้พึงระวังว่าตัวกลางเหล่านั้น จะกระทำการทุจริตสิทธิ์ของคนพิการและผู้ดูแลคนพิการ โดยเฉพาะไม่ยอมให้เอกสารสำคัญต่างๆ ทั้งๆ ที่เป็นสิทธิอันชอบธรรมที่ควรรับรู้จากการเซ็นต์ชื่อลงในสัญญาหรือเอกสารต่างๆ ดังนั้น การดำเนินการผ่าน Workable Organization เพื่อได้รับโอกาสจาก บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) จึงเป็นตัวอย่างที่ดีที่สถานประกอบการที่ต้องการทำถูกต้อง ควรศึกษาไว้เป็นตัวอย่าง และถ้าได้อ่านบทสัมภาษณ์พี่จินตนา จะเห็นว่าการใช้สิทธิมาตรา 35 รูปแบบที่ผู้ใช้สิทธิ์มีความต้องการด้านอาชีพเอง อีกรูปแบบหนึ่งครับ ผมจะขออธิบายข้อมูลไปพร้อมกับภาพข้อมูลที่เผยแพร่ไปพร้อมๆ กันด้วยครับ

สาระสำคัญต่างๆ ผมเน้นที่ขีดเส้นใต้ให้ด้วยครับ แต่ข้อความทั้งหมดทุกท่านสามารถนำไปใช้
เป็นมาตราฐานได้เลย (ภายในสิ้นเดือน เมษายน พ.ศ.2563 นี้ผมจะทำลิงก์ดาวน์โหลดสัญญาไว้ให้ครับ)


แนวความคิดสนับสนุนของทางบริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ยอดเยี่ยมมากที่ให้ผู้ใช้สิทธิ์
กลุ่มนี้เสนอโครงการเอง เนื่องจากอาจเป็นอาชีพที่ทำอยู่ มีความถนัด รู้ว่าควรทำอย่างไรถึงยั่งยืนได้


เรื่องรายละเอียดงบประมาณควรชัดเจน ซึ่งโครงการนี้ตัวเลขเป็นจริงเพราะเกิดจากการทำราคาจริง
จากผู้ใช้สิทธิ์โดยตรง ที่ไปหาผู้ผลิตหรือตามร้านค้า นับเป็นเรื่องที่ตรงไปตรงมาโปร่งใส ไม่ทุจริตคอรัปชั่น


หนังสือนี้เป็นแบบขึ้นทะเบียนขอใช้สิทธิมาตรา 35 ของคนพิการและผู้ดูแลคนพิการ เรียกสั้นๆ ว่า กกจ.พก.1

เมื่อไหร่ที่ผู้ใช้สิทธิ์หรือคนพิการใช้วิธีพิมพ์ลายนิ้วมือ ต้องมีบุคคลที่ 3 รับรองลายนิ้วมือด้วยครับ






ผมเป็นที่ปรึกษาโครงการนี้ จึงเป็นผู้รับรองลายนิ้วมือ และยังร่วมเป็นพยานฝ่ายผู้ใช้สิทธิ์ด้วยครับ


สำหรับโครงการ Workable Organization หากคนพิการและผู้ดูแลคนพิการได้เข้าร่วม ก็จะได้รับสิทธิมาตรา 35 เช่นเดียวกันกับหลายๆ ท่านที่ได้รับโอกาสดีๆ จากบริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ในเว็บไซต์ รวมถึงพี่จินตนา ดีที ในบทความนี้เช่นเดียวกันครับ

ส่วนตัวผมเชิญชวนคนพิการและครอบครัวนะครับ ในการเข้าร่วมโครงการกับเรา Workable Organization ร่วมสมัครเป็นสมาชิกกับเรา อ่านรายละเอียดทั้งหมดก่อนตัดสินใจที่ลิงก์เว็บไซต์นี้ครับ https://workableorganization.blogspot.com/



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น