สวัสดีครับทุกท่าน
สำหรับบทความชุดตัวอย่างเอกสารมาตรา 35 (7) ความช่วยเหลืออื่นใด ที่ทางบริษัท
ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ได้ให้การสนับสนุนในปี พ.ศ.2563
มีความน่าสนใจหลายมุมมอง กรณีของครอบครัวคุณธำมรงค์ นนทารักษ์
ซึ่งเป็นคนพิการรุนแรง และได้รับสิทธิ์มาแล้ว 2 ปี แต่ในปี 2563
นี้จะเป็นปีสุดท้ายที่คุณธำมรงค์ จะได้รับ พบกับทสัมภาษณ์ที่จะทำให้ทุกท่านจะสัมผัสได้ว่า
เหตุใดทางบริษัทมาม่า ถึงให้การสนับสนุนคุณธำมรงค์ต่อเนื่อง
และทำไมปีนี้จึงเป็นปีสุดท้าย ติดตามอีกตัวอย่างที่สุดยอดทั้งวิธีคิด ทัศนคติ สะท้อนถึงการให้โอกาสของบริษัทมาม่า
อย่างน่าสนใจครับ
คุณธำมรงค์ นนทารักษ์ ใช้ปากคาบพู่กันวาดภาพครับ |
ความพิการที่เป็นหนักมาก คุณธำมรงค์ ยกหัวไหล่ไม่ได้ |
ภาพคุณธำมรงค์ นนทารักษ์ พิการแนวไขสันหลังครับ |
…
สัมภาษณ์
คุณธำมรงค์ นนทารักษ์
ปรีดา: สวัสดีครับน้องรงค์
บทสัมภาษณ์ตอนแรกของรงค์ ผมอยากให้รงค์ซึ่งเป็นคนพิการที่ใช้สิทธิมาตรา 35
แตกต่างจากคนอื่นๆ เพราะว่าน้องรงค์ได้เคยใช้สิทธิ์ก่อนหน้านี้มาแล้ว 2
ปีในการจ้างเหมาบริการ (3) วาดภาพด้วยฝีมือคนพิการ แต่ปีนี้ทางบริษัทมาม่า
หรือ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) มีนโยบายให้คนพิการและครอบครัวสามารถที่จะอยู่รอดมีอาชีพที่มั่นคงยังยืนภายในการช่วยเหลือ
1 ปี เพื่อให้การช่วยเหลือมีประสิทธิภาพ น้องรงค์เป็นคนพิการรุนแรง
จึงได้รับสิทธิ์นี้อีกครั้ง และผมคิดว่าอาชีพที่น้องรงค์ได้เลือกแล้วนั้นมีความน่าสนใจ
จะเป็นอีกตัวอย่างที่น่าประทับใจกับผู้อ่านทุกท่านครับ ผมจึงขอเริ่มตรงที่อยากให้รงค์ย้อนไปถึง
2 ปีก่อนหน้านี้ด้วยครับ
ธำมรงค์: ครับพี่ปรีดา
สำหรับอาชีพเลี้ยงหมู ที่ผมเลือกเพราะว่า เราไม่ต้องไปเช่าที่
ผมใช้พื้นที่หลังบ้านผมครับ บ้านผมอยู่นอกเมือง ที่ผมอยู่ปัจจุบันเป็นในเมือง
ผมขอเล่าถึงชีวิตครอบครัวผมเล็กน้อย ผมกับภรรยาไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
เธออยู่ในเมือง ผมอยู่นอกเมือง พอได้รู้จักกันมันเป็นความผูกพัน
เธอจะมาหาผมสัปดาห์ละครั้งทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน พอตกลงว่าจะใช้ชีวิตร่วมกันผมจึงตัดสินใจมาอยู่ในเมืองกับเธอ
ซึ่งเราต้องเช่าบ้าน ต้องขายก๋วยเตี๋ยวทุกวัน ลำบากมากครับ
ผมก็ต้องออกมาเป็นเพื่อนภรรยาทุกวัน จนมาได้ใช้สิทธิ์วาดภาพกับทางบริษัทมาม่า
ถึง 2 ปี ชีวิตดีขึ้นมาก พัฒนาฝีมือดีขึ้นทำให้ภาพที่วาด
ส่งไปแสดงที่แกลลอรี่ก็มีคนซื้อ แต่การใช้สิทธิ์แบบจ้างเหมาบริการแบบนี้ไปเรื่อยๆ
ผมเองก็รู้สึกเลยว่า เหมือนผมเอาเปรียบเพื่อนคนพิการคนอื่นๆ ผมคิดอยู่ในใจตลอดเวลา
จนพี่ปรีดามาบอกผมว่า ปี 2563 นี้ ทางบริษัทมาม่า
มีนโยบายส่งเสริมอาชีพให้อยู่รอดภายในการใช้สิทธิ์เพียง 1 ปี
ผมจึงไม่ลังเลใจที่จะเลือกอาชีพเลี้ยงหมูครับ
ปรีดา: แค่เริ่มต้นก็น่าสนใจแล้วนะครับน้องรงค์
ผมชอบวิธีคิดของรงค์ตรงที่ รงค์เองก็รู้สึกว่าการวาดภาพทุกๆ ปี
เป็นการเอาเปรียบคนพิการคนอื่น เมื่อมีโอกาสอีกครั้ง
รงค์จึงไม่ลังเลในการเลือกอาชีพเลี้ยงหมูทันที งั้นผมขอสัมภาษณ์รงค์ ตรงที่มาที่ไปที่น้องรงค์และภรรยาเลือกอาชีพเลี้ยงหมู
ครับ
ธำมรงค์: ครับพี่
หลังบ้านผมที่อยู่นอกเมืองมีที่ดินว่างที่ยังไม่ได้ใช้งานครับ
ผมจึงปรึกษาที่บ้านว่าจะเลี้ยงหมู น้องสาวก็อนุญาตไม่มีปัญหาอะไร
ครอบครัวผมก็ต้องย้ายไปอยู่นอกเมืองด้วยกันครับ เพราะเท่ากับเราไม่ต้องเสียค่าเช่า
โรงเรือนเลี้ยงหมูเราสร้างบนที่ดินของครอบครัวผมก็ไม่เสียดาย
ผมมีประสบการณ์ไม่ดีเคยลงทุนทำการค้าจากที่ไปเช่าที่เขา พอเขาขึ้นค่าเช่าแพงๆ
เราไม่เช่า ที่เราเคยทำร้านค้าไป รื้อถอนไม่ได้ ที่ลงทุนไปก็สูญเปล่าครับ
ครั้งนี้ผมได้รับโอกาสจากบริษัทมาม่าแล้ว ครอบครัวเราก็จะไม่พลาดอีกครับ
ปรีดา: อาชีพเลี้ยงหมูครั้งนี้
ภรรยาคุณรงค์ในฐานะเป็นผู้ดูแลใช้สิทธิ์แทน
ตรงนี้ประเด็นนี้ผมขออธิบายให้ผู้อ่านได้เข้าใจตามหลักปฏิบัติและหลักกฎหมายให้เข้าใจไปด้วยกันนะครับ
คือ
· เมื่อ 2
ปีก่อน (ปี 2561-2562) น้องธำมรงค์ ได้ใช้สิทธิมาตรา 35 รับรายได้ปีละ 109,500
บาท (ยอดเงินมาจาก 300 x 365 = 109,500 บาท) โดยใช้สิทธิ “คนพิการ”
ตรงๆ เป็นชื่อน้องธำมรงค์
· แต่ปี
2563 ภรรยาคุณธำมรงค์ (คุณม่วยเจียง) ได้ใช้สิทธิมาตรา 35 ในฐานะ “ผู้ดูแลคนพิการ”
โดยในปีนี้มีมูลค่า 308 x
365 = 112,420 บาท
(มูลค่าตามมาตรา
35 ส่งเสริมอาชีพคนพิการ ที่ได้รับฟรีไม่ต้องกู้ยืมเงิน คิดจาก
ค่าแรงขั้นต่ำคูณด้วย 365 วัน ในปี 2563 คือ 308 x 365 = 112,420 บาท)
ดังนั้นการเซ็นต์สัญญากับบริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน)
จึงต้องเป็นภรรยาคุณธำมรงค์ คือ คุณม่วยเจียง แทนครับ ผมอยากให้น้องรงค์ช่วยเล่าต่อว่า
อาชีพเลี้ยงหมู ของครอบครัวน้องรงค์ ทำไมถึงคิดว่าเป็นอาชีพที่เหมาะสม ครับ
ธำมรงค์: ตามที่พี่ปรีดาได้อธิบายให้ทุกท่านทราบนั่นละครับว่า
ปี 2563 ใช้สิทธิ์เป็นภรรยาผมแทน เนื่องจากผมเลี้ยงหมูไม่ได้ ต้องให้ภรรยาเลี้ยง
ทำให้ตอนที่มีการตรวจสอบสิทธิ์จากเจ้าหน้าที่จัดหางานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์รับรองการตรวจสอบสิทธิ์แล้วยอมรับได้
เพราะความเป็นจริงคือ ผมไม่สามารถจะไปเลี้ยงหมูได้ครับ ต้องภรรยาผมเท่านั้นครับ
ที่สำคัญกว่านั้นที่ครอบครัวผมมั่นใจในอาชีพเลี้ยงหมู
เพราะภรรยาผมเคยเลี้ยงหมูมาก่อนครับ
ปรีดา: อ๋อ
เป็นแบบนี้นี่เอง คือ ภรรยาน้องรงค์เคยเลี้ยงหมูมาก่อน ผมขอถามแบบสงสัยนะครับ
เพราะผมคงไม่มีโอกาสเลี้ยงหมูแน่นอน เลยขอถามว่า
น้องรงค์มั่นใจว่าอาชีพนี้จะทำให้อยู่รอดเป็นอาชีพที่ยั่งยืนอย่างไรครับ
ธำมรงค์: ได้ครับ
เวลาเราซื้อหมูเราซื้อพร้อมแม่พันธุ์ แม่พันธุ์เราจะไม่ขายไปเป็นเข้าโรงเฉือด
จะเน้นขายตัวลูกหมูครับ ลูกหมูเลี้ยงประมาณ 5 เดือนก็ขายได้ หมูเลี้ยงไม่ยาก
หมั่นดูแลความสะอาด กับระวังเรื่องยุงกัดเรื่องโรค ถ้าสะอาดก็ช่วยได้มาก
คอกหนึ่งเลี้ยง 15-20 ตัว อย่าให้จำนวนมากเกินไปครับ
ผมขอเล่าเพิ่มเติมนะครับว่า
ผมตัดสินใจทำโรงเรือนเลี้ยงหมูใช้โครงสร้างเป็นเหล็ก ไม่ใช้ไม้ครับ
และรูปแบบโรงเรือนก็สามารถขยายโรงเรือนต่อไปได้เรื่อยๆ ผมจะทำให้เงินทุนที่ทางบริษัทมาม่าให้มาคุ้มค่าที่สุดครับ
ปรีดา: เยี่ยมครับ
ผมคิดว่าถ้าทางผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทราบความคิดน้องรงค์และภรรยาต้องดีใจ
ปลื้มใจที่ได้สร้างอาชีพที่ยั่งยืนให้ครอบครัวน้องรงค์ นะครับ ยังมีปัจจัยอื่นอีกไหมครับที่ตัดสินใจเลี้ยงหมู
หรือมีเรื่องอื่นๆ ประกอบการตัดสินใจไหมครับ
ธำมรงค์: มีครับพี่ปรีดา
การที่ผมเลี้ยงในที่ดินที่ครอบครัวบ้านผมนอกเมืองนั้น
ไม่มีปัญหาเรื่องไฟฟ้าและน้ำประปาครับ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากๆ
ต่อการเลี้ยงหมูครับ ยังมีเรื่องกลิ่น
ในเมืองถ้าเราเลี้ยงคงต้องโดนเพื่อนบ้านต่อว่าไม่ยอม พอมาเลี้ยงนอกเมือง บ้านห่างกัน
กลิ่นก็จะไม่ค่อยมีปัญหา ยิ่งเรารักษาความสะอาดดีเรื่องกลิ่นก็จะช่วยได้มากครับ
ธำมรงค์: อีกเรื่องหนึ่งครับที่ผมอยากบอกพี่ปรีดา
คือ ผมกับภรรยาขอชื่นชมทางบริษัทมาม่า
ที่มีนโยบายส่งเสริมอาชีพแบบยั่งยืนนะครับ เราสองคนเคยนั่งคุยกันว่า
ถ้ามีเงินก้อนหนึ่ง เราอยากเลี้ยงหมู ในที่สุดทางบริษัทมาม่าก็ให้ความหวังความฝันนี้กับเรา
เราดีใจมากที่สุดที่ได้ทุนก้อนนี้ครับ เราสองคนอายุมากแล้ว แรงน้อยลง
การได้อาชีพเลี้ยงหมูจึงเป็นทางเลือกที่ดีของครอบครัวเราครับ พี่ปรีดาไม่ต้องห่วงนะครับ
ผมจะทำอาชีพนี้ให้ดีที่สุดไม่ให้เสียชื่อพี่เลยครับ
ปรีดา: เดี๋ยวก่อนครับน้องรงค์
ผมพอรู้เรื่องสุขภาพของคุณดีว่าคุณพิการในระดับเดียวกับผม เราพิการรุนแรงเหมือนกัน
และผมก็รู้ว่าคุณใช้ชีวิตไม่ได้สบาย ลำบากอย่างไร มีข้อจำกัด ข้อระวัง อะไรบ้าง
เราสองคนรู้ซึ้งดี ผมขอเรื่องสำคัญ คุณต้องทำอาชีพนี้ให้พอเหมาะพอดี
ไม่ทุ่มเทจนเป็นอันตรายถึงชีวิต ต้องยึดสุขภาพเป็นอันดับหนึ่ง ไม่ฝืน ต้องพัก
ทำตามกำลัง เพราะคุณไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสินใคร อดทนอีกนิดเท่านั้น รงค์กับภรรยากำลังจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับคนพิการในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ในเร็วๆ
นี้ เพราะที่กาฬสินธุ์ คุณฐานิดา ติดลมบนไปเรียบร้อย ใครๆ ก็ติดต่อขอมาดูงาน อบต.นิคม
ก็แวะเวียนมาตลอด ผมก็อยากให้คุณรงค์กับคุณม่วยเจียง
ได้เป็นศูนย์การเรียนรู้สิทธิมาตรา 35 เหมือนที่กาฬสินธุ์ครับ
ธำมรงค์: ครับพี่
เพราะผมก็พิการมากอย่างที่พี่ปรีดาพูดละครับ เรื่องนี้พูดให้ใครฟังก็ไม่มีใครเข้าใจเหมือนที่พี่กับผมพิการรุนแรงเหมือนกันเข้าใจกันครับ
ปรีดา: เข้าใจครับ
ไม่ต้องห่วง เวลาผมทำโครงการอะไรหรือทำสิ่งใด
ถ้าจะต้องเชื่อมไปถึงกลุ่มคนพิการรุนแรง ผมจะมีความเข้าใจเรื่องนี้ดีอยู่แล้ว
ผมถามรงค์ต่อเรื่องความรู้สึกที่ได้รู้ว่าจะได้ใช้สิทธิ์ในโครงการเลี้ยงหมูปีนี้ครับ
ธำมรงค์: ครับเราสองคนดีใจมากครับ
เราไปขายก๋วยเตี๋ยววันหนึ่งได้เงินไม่มาก บางวันทุนยังไม่ได้ครับ
และก็ต้องออกไปเหมือนเร่ร่อน ร่างกายผมก็ไม่เหมาะป่วยง่าย
ไม่ไปก็ไม่ได้เพราะห่วงม่วยเจียง และก็อายุมากกันแล้ว
การได้ทำอาชีพเลี้ยงหมูอยู่กับบ้านมันเป็นความฝันที่เป็นจริงครับ เมียผมเลี้ยงหมูอยู่บ้าน
ทุกวันไม่ต้องไปไหน ดูแลแต่หมู ผมก็อยู่บ้านวาดภาพร่วมในโครงการพี่ปรีดากำลังดำเนินการอยู่ได้อีกทางหนึ่ง
กระดาษกับสีน้ำที่ซื้อมาจากการใช้สิทธิ์มาตรา 35 ปีที่ผ่านมา
แล้วขายภาพเพิ่มได้เงินมาซื้อก็ยังเหลือ ผมอยู่บ้านก็วาดภาพไป ม่วยเจียงเลี้ยงหมูไป
แค่คิดก็มีความสุขมากแล้วครับ
คุณธำมรงค์ ต้องช่วยภรรยา ใช้รถเข็นไฟฟ้าที่รับบริจาคมาลากรถเข็นขายก๋วยเตี๋ยวทุกวันครับ |
คุณธำมรงค์ ต้องอยู่เฝ้าร้านก๋วยเตี๋ยวตั้งแต่ลากมาจนขายเสร็จระหว่าง 17.00-23.00 น. ทุกวันครับ |
ปรีดา: ก่อนที่เราจะถึงการขอบคุณในการช่วยเหลือของบริษัทมาม่า
ผมขอให้รงค์ช่วยพูดถึงความช่วยเหลือ 2 ปีที่ผ่านมาด้วยครับ เพราะผมเองก็รู้เรื่องราวของรงค์พอสมควร
ผมคิดว่ามุมมองของรงค์กับ 2 ปีที่ผ่านมามีความน่าสนใจเช่นกันครับ
ธำมรงค์: ครับพี่ปรีดา
ตามความคิดผมนะครับ ผมขอเริ่มตรงที่ผมต้องขอบคุณพี่ปรีดา
ที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน จากนั้นพี่ก็คุยกับโอ๊ด โอ๊ดแนะนำให้ผมกับพี่รู้จักกัน
แล้วพี่ปรีดาก็เสนอชื่อผมให้กับทางบริษัทมาม่า ในปี 2561 ทันที
ชีวิตผมเปลี่ยนแปลงไปทันที เพราะโอกาสที่ทางบริษัทมาม่า ให้ผมมาตลอด 2
ปีนั้น มันมีค่ากับผมมาก มันเป็นทุกๆ สิ่ง ทุกๆ อย่าง ของครอบครัวผม เงินที่ผมได้รับทำให้ผมมีคุณค่า
ผมดูแลครอบครัวได้ ผมได้พัฒนาฝีมือ จนมีคนซื้อภาพที่ผมวาด การวาดภาพจากนี้ต่อไปจะเป็นรายได้เสริมที่ผมจะไม่ทิ้ง
ประสบการณ์ที่ดีทำให้ผมมีรายได้อีกทางครับ
ปรีดา: ผมดีใจแทนรงค์มากเช่นกัน
คุยกันยาวเลย ผมว่าน้องรงค์ขอบคุณทางบริษัทมาม่า อยากบอกความรู้สึกอะไรกับทางผู้บริหารทุกระดับของบริษัทมาม่า
เชิญเลยครับ
ธำมรงค์: ผมต้องขอขอบพระคุณทางผู้ใหญ่ทุกท่านของบริษัทมาม่าเป็นอย่างสูงที่ให้โอกาสคนพิการรุนแรงอย่างผมถึง
3 ปี และปีนี้ผมจะตั้งใจทำอาชีพเลี้ยงหมูที่เป็นความฝันของเราสองคนให้ดีที่สุด เราจะใช้เงินทุนที่ได้มานี้ให้มีค่ามากที่สุด
จะซื่อสัตย์กับเงินทุกบาททุกสตางค์ จะทำให้เป็นอาชีพที่ยั่งยืน
จะเป็นตัวอย่างให้กับคนพิการและครอบครัวอื่นๆ ในจังหวัดที่เราอยู่
(ประจวบคีรีขันธ์) บ้านผมอยู่ใกล้ อบต.
ผมจะทำให้โครงการนี้เป็นตัวอย่างการใช้สิทธิมาตรา 35
ที่ครอบครัวคนพิการได้ประโยชน์ตรงให้ดีที่สุดครับ ขอบพระคุณมากๆ กับทุกท่านที่ช่วยเหลือครอบครัวผมถึง
3 ปีด้วยครับ
ปรีดา: ผมขอบคุณคุณธำมรงค์
นนทารักษ์ มากๆ นะครับที่ได้ให้สัมภาษณ์บทความดีๆ ให้เป็นตัวอย่างกับคนพิการที่กำลังรอโอกาส
จากทั้งจากบริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน)
และจากสถานประกอบการอื่นๆ และเพื่อเป็นอีกตัวอย่างให้กับสถานประกอบการที่มีความตั้งใจจะช่วยมอบโอกาสดีๆ
ให้กับคนพิการอย่างเช่น บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ด้วยครับ
...........................................
หลังบทสัมภาษณ์ผมขอนำตัวอย่างเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการใช้สิทธิมาตรา
35 ที่ถูกต้องให้ทุกท่านได้ทราบกัน เรื่องหนึ่งที่ผู้ใช้สิทธิมาตรา 35
(คนพิการและผู้ดูแลคนพิการ) ควรรู้และเป็นจุดสังเกตง่ายๆ
หากคนพิการและผู้ดูแลคนพิการ ไปใช้สิทธิ์ผ่านตัวกลาง เช่น ชมรม สมาคม มูลนิธิ
ต่างๆ ที่ทำงานด้านเอกสารไม่โปร่งใส ปกปิด ไม่อธิบายรายละเอียดให้ชัดเจน
ชอบนำเอกสารฟอร์มเปล่ามาให้เราเซ็นต์ชื่อ อ้างนู่น อ้างนี่
หรือแย่ที่สุดเอากระดาษเปล่ามาให้เซ็นต์ชื่อ ให้พึงระวังว่าตัวกลางเหล่านั้น
จะกระทำการทุจริตสิทธิ์ของคนพิการและผู้ดูแลคนพิการ
โดยเฉพาะไม่ยอมให้เอกสารสำคัญต่างๆ ทั้งๆ
ที่เป็นสิทธิอันชอบธรรมที่ควรรับรู้จากการเซ็นต์ชื่อลงในสัญญาหรือเอกสารต่างๆ
ดังนั้น การดำเนินการผ่าน Workable
Organization เพื่อได้รับโอกาสจาก บริษัท
ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) จึงเป็นตัวอย่างที่ดีที่สถานประกอบการที่ต้องการทำถูกต้อง
ควรศึกษาไว้เป็นตัวอย่าง และถ้าได้อ่านบทสัมภาษณ์คุณธำมรงค์
จะเห็นว่าการใช้สิทธิมาตรา 35 รูปแบบที่ผู้ใช้สิทธิ์มีความต้องการด้านอาชีพเอง
อีกรูปแบบหนึ่งครับ ผมจะขออธิบายข้อมูลไปพร้อมกับภาพข้อมูลที่เผยแพร่ไปพร้อมๆ
กันด้วยครับ
สำหรับโครงการ
Workable
Organization
หากคนพิการและผู้ดูแลคนพิการได้เข้าร่วม ก็จะได้รับสิทธิมาตรา 35
เช่นเดียวกันกับหลายๆ ท่านที่ได้รับโอกาสดีๆ จากบริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ในเว็บไซต์
รวมถึงคุณธำมรงค์ นนทารักษ์ ในบทความนี้เช่นเดียวกันครับ
ส่วนตัวผมเชิญชวนคนพิการและครอบครัวนะครับ
ในการเข้าร่วมโครงการกับเรา Workable
Organization ร่วมสมัครเป็นสมาชิกกับเรา
อ่านรายละเอียดทั้งหมดก่อนตัดสินใจที่ลิงก์เว็บไซต์นี้ครับ https://workableorganization.blogspot.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น