ครอบครัวคุณแหม่ม ได้รับสิทธิตามมาตรา 35 มูลค่า 112,420 บาท ในการทำธุรกิจร้านอาหารสำเร็จรูปเคลื่อนที่ จ.ชลบุรี จากบริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน)

สวัสดีครับทุกท่าน สำหรับบทความนี้ทางเรา Workable Organization อยากแบ่งปันเรื่องราวของคุณแหม่ม ที่อาศัยอยู่ในจังหวัดชลบุรี เธอเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ดูแลลูกๆ ถึง 3 คน อย่างยากลำบาก ตลอดเวลาที่ไปติดต่องานราชการและพยายามจะขอใช้สิทธิคนพิการและผู้ดูแลคนพิการ แต่ไม่สามารถใช้ได้ จนคุณแหม่ม ได้รับโอกาสจากบริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบรนด์ “มาม่า” เชิญอ่านบทสัมภาษณ์ของคุณแหม่ม ประกอบการตัดสินใจเข้าร่วมเป็นสมาชิกกับเราครับ

........................................
คำถาม: ก่อนได้รับสิทธิตามมาตรา 35 ชีวิตความเป็นอยู่เป็นอย่างไรบ้างครับ
คุณแหม่ม: ลำบากมากเลยค่ะ มีหนี้สินจำนวน 50,000 บาท การกินการอยู่ลำบาก และยังค้างค่าเช่าบ้าน 4 เดือน มีลูก 3 คน คือ คนโต อายุ 8 ขวบ และฝาดแฝดชายหญิง 2 คน อายุ 6 ขวบ ลูกแฝดผู้ชายป่วยบ่อย พิการสติปัญญา และไม่มีภูมิต้านทาน เข้าออกโรงพยาบาลบ่อยๆ ทำงานประจำที่ไหนก็ไม่ได้ ทำงานโรงงานก็โดนไล่ออก พอมาทำงานร้านอาหาร หยุดติดต่อกันหลายวันเป็นช่วงๆ ก็โดยไล่ออกอีก ที่ผ่านมาทำงานที่ไหนก็ตาม ทำได้แค่ เดือนสองเดือนก็จะโดนไล่ออก

คำถาม: คุณแหม่มอยากประกอบอาชีพอะไรครับ
คุณแหม่ม: อยากประกอบอาชีพอิสระ อยากเลี้ยงดูลูกได้ เพื่อสะดวกที่จะหยุดพาลูกไปหาหมอ อยากได้ทุนสักประมาณ 8-9 พันบาท เพื่อขายลูกชิ้นปิ้ง หยุดเมื่อไหร่ก็ได้

คำถาม: คุณแหม่มเคยรู้เรื่องสิทธิตามมาตรา 35 ที่มีมูลค่าเป็นแสนบาทแล้วให้เปล่าไม่ต้องคืนทุนบ้างไหมครับ
คุณแหม่ม: ไม่เคยรู้มาก่อนเลยค่ะ เจ้าหน้าที่ราชการไม่เคยแนะนำเรื่องสิทธิตัวนี้เลย จะมีแนะนำแค่เงินฉุกเฉิน 2,000 บาท เท่านั้น ซึ่งจะขอได้ปีละ 1 ครั้งค่ะ แล้วขอบ่อยก็ไม่ได้ต้องแบ่งๆ กันไปค่ะ ส่วนสิทธิในการกู้ยืมเงินของคนพิการ ทราบเรื่องค่ะ แต่ก็ไม่เคยกู้ได้ค่ะ เพราะว่าไม่มีคนค้ำประกันให้ เพราะต้องเป็นข้าราชการซี 8 ขึ้นไป ซึ่งแหม่มไม่รู้จักใครเลยค่ะ

คำถาม: เมื่อคุณแหม่มได้รับสิทธิตามมาตรา 35 จาก บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบรนด์ “มาม่า” ชีวิตเปลี่ยนไปอย่างไรบ้างครับ
คุณแหม่ม: ชีวิตดีขึ้นมากเลยค่ะ ปลดหนี้ได้ค่ะ ไม่ค้างค่าเช่า การกินการอยู่ของลูกๆ ดีขึ้นมาก สุขภาพของลูกที่พิการก็ดีขึ้นมาก แหม่มขายของ 3 รอบ คือ
·       รอบแรก ประมาณ ตี 4 ถึง 7 โมงเช้า ขายกลุ่มลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรม จากนั้นจะกลับมาพาลูกไปโรงเรียน จากนั้นมาเตรียมของแล้วไปขายรอบสอง
·       รอบสอง ประมาณ 10 โมงเช้าถึงบ่าย 3 โมง ขายกลุ่มคนทั่วไปหน้าโรงเรียนที่ลูกเรียน พอลูกเลิกเรียนก็รับกลับบ้าน เตรียมของเพื่อไปขายรอบสาม
·       รอบสาม ประมาณ 5 โมงเย็น ขายจนถึง 3-4 ทุ่ม ขายกลุ่มคนเลิกงานใกล้ๆ กับโรงแรม

สำหรับแหม่มแล้วการขายของในวันหนึ่งถึงสามรอบ ก็เหนื่อยค่ะเพราะต้องทำของเตรียมของตลอด แต่ถ้าเปรียบเทียบกับที่เคยลำบากไม่มีอาชีพ ตรงนั้นลำบากมากค่ะ ที่ผ่านมาแหนม่มมีรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย ค่าสินค้า ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟแล้ว จะเหลือเดือนละ 14,000 – 15,000 บาท ซึ่งแหม่มก็นำเงินส่วนนี้ไปใช้หนี้ให้หมด ค่าห้องจ่ายหมด ตอนนี้มีเงินเก็บ และแบ่งส่วนหนึ่งไปซื้อเครื่องพ่นยาให้ลูก จะได้ไม่ต้องลำบากไปโรงพยาบาล

คำถาม: ตอนนี้มีเรื่องเชื้อไวรัสโควิดระบาด กระทบคุณแหม่มบ้างไหมครับ
คุณแหม่ม: กระทบค่ะ คือตอนเย็นห้ามขายเลยค่ะ ทำให้ขายได้แค่ 2 รอบ และรอบเช้าที่เคยขายตอนตี 4 ก็ขายไม่ได้ ต้องเริ่มขายตอน 6 โมงเช้า รายได้ก็ลดลงค่ะ ปัจจุบันก็จะเหลือเดือนละไม่ถึง หนึ่งหมื่นบาท แต่ก็ยังมีเงินเก็บไว้ด้วยค่ะ

คำถาม: อยากให้คุณแหม่ม ช่วยฝากข้อแนะนำ หรือเรื่องราวให้กับคนพิการและครอบครัวรายอื่นด้วยครับ อยากบอกอะไรกับทุกคนบ้างครับ
คุณแหม่ม: ค่ะ ทุกท่านค่ะ แหม่มชื่อ โชติรส รัตนวรรณ แหม่มต้องขอขอบพระคุณทางบริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) เป็นอย่างมากที่ให้โอกาสทำให้ชีวิตที่เคยลำบากดีขึ้นเยอะมาก และต้องขอบคุณคุณปรีดา อย่างมากด้วยค่ะ ที่เข้ามาช่วยเหลือมาเยี่ยม มารับฟังปัญหา และประสานงานเพื่อขอรับสิทธิ์จากบริษัทมาม่าค่ะ ทำให้ครอบครัวแหม่มลืมตาอ้าปากได้ เพราะโครงการช่วยเหลือคนพิการนี้

แหม่มขอให้ครอบครัวคนพิการทุกคน ...... (หยุดพูด คุณแหม่มกำลังร้องไห้อยู่)

แหม่มขอให้ทุกคนเข้าร่วมโครงการกับเครือข่ายของคุณปรีดา นะค่ะ เพราะคุณปรีดา ไม่เคยทที่จะเอาเปรียบ หรือกดขี่อะไร กับแหม่มเลยนะค่ะ มีแต่ให้ความช่วยเหลือ ไม่เคยหักค่าหัวคิว ไม่เคยเอารัดเอาเปรียบอะไรเลย ขอให้ทุกคนมั่นใจในตัวคุณปรีดาและเครือ่ายของคุณปรีดา นะค่ะ ขอบคุณมากค่ะ

(คุณแหม่ม ยังร้องไห้อยู่)

คำถาม: ผมขออนุญาต ให้เบอร์มือถือคุณแหม่มไว้ในเว็บไซต์ เพื่อที่ว่าคนไหนสงสัยจะได้โทรมาคุยกับคุณแหม่มได้โดยตรง เพราะคนส่วนให่จะไม่เชื่อว่าเครือข่ายของเราไม่มีหักหัวคิวใคร
คุณแหม่ม: ใช่ค่ะ แหม่มเล่าให้เขาฟังว่าเครือข่ายคุณปรีดา ไม่หักค่าหัวคิว เขาบอกว่า แหม่มตอแหลค่ะ ใครจะมาให้เงินเป็นแสน ถ้าใครสงสัย อยากพูดคุย อยากฟังเรื่องจริงจากแหม่มก็ติดต่อมาที่มือถือแหม่ม 099-049-6578 ได้ค่ะ

ผมต้องขอบคุณคุณแหม่มในการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้นะครับ คุณแหม่มต้องดูแลตัวเองให้ดี ดูแลลูกๆ อีกหน่อยคุณแหม่มก็จะเป็นกระบอกเสียงให้กับเครือข่ายเราในพื้นที่จังหวัดชลบุรี นะครับ รวมทั้งจะเป็นกำลังสำคัญที่จะช่วยเหลือครอบครัวคนพิการในพื้นที่ชลบุรีด้วยครับ

คำถามจำได้ว่าคุณแหม่ม ทำจิตอาสาด้วย อยากเล่าให้เพื่อนๆ ทรบด้วยครับ
คุณแหม่ม: ค่ะ ทุกๆ วันพระ แหม่มจะทำอาหารเตรียมไว้ประมาณ 9 ชุด แหม่มเจอใครที่กำลังลำบากอยู่ แหม่มจะบริจาคอาหารที่เตรียมไว้ให้ค่ะ พอดูแลตัวเองได้แล้ว อยากแบ่งปันให้กับคนที่ไม่มีค่ะ

คำถาม: ครับ คำถามสุดท้ายแล้วครับ ทางเรามีโครงการ เป็นสมาชิกกับเรา Workable Organization ร่วมลงทุนเดือนละ 500 บาท เพื่อนำไปช่วยเหลือส่งเสริมอาชีพคนพิการและครอบครัวทุกรูปแบบ คุณแหม่มจะเข้าร่วมโครงการไหมครับ
คุณแหม่ม: ยินดีค่ะ แหม่มจะร่วมลงทุนเดือนละ 500 บาท เพื่อให้เครือข่ายคุณปรีดา นำเงินนี้ไปช่วยคนอื่นต่อไปค่ะ และแหม่มก็จะถือว่าเงินนี้เป็นเงินเก็บไปด้วยในตัวค่ะ

ครับ ขอบพระคุณ คุณแหม่มอีกครั้งครับสำหรับบทสัมภาษณ์ดีๆ ในครั้งนี้ครับ
...............................................

ป้ายรับมอบสิทธิมาตรา 35 ที่คุณแหม่มได้รับจากทางมาม้า มูลค่า 112,420 บาท

รถสามล้อเครื่องยนต์เบนซินที่ได้รับจากบริษัทมาม่า

คุณแหม่มกับลูกๆ ที่มีแต่รอยยิ้ม ไม่ลำบากเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

คุณแหม่มรับมอบสิทธิมาตรา 35 จากผู้จัดการอาวุโสของ
บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน)

สามารถติดตามอ่านบทความการรับสิทธิตามมาตรา 35 ของคุณแหม่ม
ที่ลิงก์บทความนี้ครับ https://npr-pwd.blogspot.com/2016/11/9.html


ส่วนตัวผมเชิญชวนคนพิการและครอบครัวนะครับ ในการเข้าร่วมโครงการกับเรา Workable Organization ร่วมสมัครเป็นสมาชิกกับเรา อ่านรายละเอียดทั้งหมดก่อนตัดสินใจที่ลิงก์เว็บไซต์นี้ครับ https://workableorganization.blogspot.com/



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น