สวัสดีครับทุกท่าน
สำหรับบทความนี้ทางเรา Workable
Organization
อยากแบ่งปันเรื่องราวของคุณอรสาและครอบครัว ที่อาศัยอยู่ในจังหวัดลำพูน
คุณอรสาและครอบครัวที่มีคุณพ่อคุณแม่ของสามี
ต้องช่วยกันดูแลสามีที่พิการหลังประสบอุบัติเหตุ
ติดเตียงและไม่สามารถสื่อสารตอบกลับมาได้เลย อย่างยากลำบาก ความทุกข์ที่มีนั้น
ทำให้ท้อและเหนื่อย แต่ทุกๆ อย่างดีขึ้น มีกำลังใจมากขึ้น เพราะ ได้รับโอกาสจากบริษัท
ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบรนด์ “มาม่า”
เชิญอ่านบทสัมภาษณ์ของคุณอรสา เพื่อประกอบการตัดสินใจเข้าร่วมเป็นสมาชิกกับเราครับ
……………………………………
คำถาม: คุณอรสาครับ
ผมอยากให้ช่วยเล่าย้อนหลังไปให้ทุกท่านทราบถึงเรื่องราวครอบคุณอรสา ด้วยครับ
คุณอรสา: (เริ่มวร้องไห้) ก็..... เป็นพนักงานบริษัทค่ะ เราทำงานที่เดียวกันค่ะ
อยู่ที่ลำพูน สามีทำงานในห้องแล็ป ส่วนตัวเองทำงานสายการผลิต (ยังคงร้องไห้)
แล้วสามีก็ประสบอุบัติเหตุ มีรถมาชนหลังกลับจากทำงานค่ะ (ร้องไห้... หยุดพูด
พูดไม่ได้) เป็นทางสมองค่ะ
ส่วนตัวไม่รู้เหตุการณ์เพราะตัวเองกำลังคลอดลูกอยู่ที่โรงพยาบาล (ร้องไห้มากขึ้น)
จับผู้ร้ายไม่ได้ค่ะ จากนั้นสามีก็ไม่ได้ไปทำงานเพราะทำงานไม่ได้แล้ว
ผ่านมาสามปีแล้ว ตอนนี้ทำงานคนเดียวค่ะ ต้องดูแลสามีกับคุณพ่อคุณแม่ของสามี
เมื่อก่อนสามีทำงานเป็นเวลาสำนักงาน ส่วนตัวเองทำงานแบบเข้ากะ เพราะอยู่ฝ่ายผลิต
สามีอยู่บนเตียงนอนไม่รู้เรื่อง (ร้องไห้หนัก) มีภาระหนี้สิน (ร้องไห้ หยุดพูด)
แล้วยังต้องเลี้ยงลูก ลำบากค่ะ (ร้องไห้)
คำถาม: ระหว่างที่คุยทราบว่า
คุณอรสาไม่รู้จักมาตรา 35 พอทางบริษัทเรียกไปคุยเป็นอย่างไรบ้างครับ
คุณอรสา: ค่ะ พี่ผู้จัดการฝ่ายบุคคลและหัวหน้าแผนกเรียกไปคุยค่ะ
ว่าที่บริษัทมีโครงการค่ะ เป็นโครงการมาตรา 35 (ร้องไห้มีปนเสียงดีใจขึ้นมาเล็กน้อย)
ดีใจมากเลยค่ะ ดีใจจนร้องไห้
เล่าให้คุณอรสาฟัง: ผมอยากเล่าให้ฟังตรงนี้นะครับ
คือตอนที่ผมไปร่วมประชุมกับผู้บริหาร ผู้จัดการของทางมาม่า และเจ้าหน้าที่
ที่เกี่ยวข้อง ผมเสนอไปว่า บริษัทควรค้นหาคนพิการที่ไม่มีบัตรคนพิการก่อน เพราะว่าใบรับรองแพทย์ใช้แทนสิทธิ์บัตรคนพิการได้
จากนั้นให้ค้นหาว่าในบริษัทมีพนักงานปกติของบริษัทที่มีคนพิการในครอบครัวหรือไม่
ให้นำสิทธิตามมาตรา 35 ช่วยเหลือเลย คุณสรยุทธ
(ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายทรัพยากรมนุษย์) จึงพูดถึงอดีตพนักงาน 2
รายที่ประสบอุบัติเหตุจนพิการนอนติดเตียง ว่าตัวผมมีคนพิการในใจไหม ให้อดีตพนักงาน
2 รายนี้ได้ไหม ผมรีบตอบคุณสรยุทธ ว่าได้ครับ ผมไม่มีคนพิการคนไหนในใจ
ผมช่วยทั้งหมด และอดีตพนักงาน 2 รายนี้
ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งว่าทางบริษัทควรให้โอกาสพวกเขาและครอบครัวครับ
เรื่องเอกสารผมจะดูแลให้เองครับ
คุณอรสา: สมัยก่อนพี่สรยุทธ อยู่ลำพูน แล้วย้ายไปอยู่กรุงเทพ ตอนที่พี่ๆ
เรียกไปคุยดีใจมาก ตัดสินใจทำโครงการธุรกิจซักอบรีด มีเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ
พอได้รายได้มาแบ่งเบาภาระของครอบครัว (สะอึกๆ จากการร้องไห้ แต่ไม่ร้องหนักแล้ว)
ปีนี้ทางบริษัทก็จะช่วยอีกปีค่ะ ดีใจมากค่ะ (ร้องไห้)
โต้ตอบชวนคุย: ผมเข้าใจทางผู้ใหญ่นะครับ
คงเห็นว่าคุณอรสากับครอบครัวลำบาก เพราะสามีพิการตลอดชีวิต ทำอะไรไม่ได้เลย
ไม่ใช่ว่าป่วยแล้วจะหายกลับมาปกติได้อีก ต้องอยู่กันไปอย่างนี้
ผมเข้าใจดีเพราะว่าผมก็พิการค่อนข้างหนักเหมือนสามีคุณอรสา เพียงแต่ผมโชคดีที่สมองไม่ได้รับการกระทบกระเทือน
ผมฟังเรื่องคุณอรสา แล้วนึกถึงหนังภาพยนต์เรื่อง “แอบปี้เบิร์ดเดย์”
ที่พระเอกต้องดูแลนางเอกไปตลอดชีวิตจนแก่เฒ่า
คำถาม: ผมอยากให้คุณอรสา เล่าถึงตอนที่ทางบริษัท
เรียกไปคุยเรื่องสิทธิคนพิการที่เรียกมาตรา 35 หน่อยครับ รู้สึกอย่างไรบ้างครับ
ดูเหมือนคุณอรสายังมีอะไรอยากจะพูดต่อครับ
คุณอรสา: ค่ะ รู้สึกเลยว่าบริษัทไม่ทิ้งเรา (เริ่มร้องไห่เยอะขึ้นอีกครั้ง) พี่ๆ
และผู้จัดการทุกท่านดีมากค่ะ ให้กำลังใจตลอด ทั้งที่อยู่ลำพูน ทั้งที่กรุงเทพฯ
เวลามาที่ลำพูนก็จะเขข้ามาถามถึงเป็นห่วงตลอด มาเยี่ยมถึงที่บ้าน
(ร้องไห้ประมาณซาบซึ้งใจ)
คำถาม: อยากให้คุณอรสา
กล่าวถึงผู้บริหารของบริษัทมาม่าที่ได้ให้โอกาสตามสิทธิมาตรา 35 ด้วยครับ
คุณอรสา: ค่ะ ครอบครัวเราขอขอบพระคุณทางบริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน)
ที่ได้ให้ความช่วยเหลือ (ร้องไห้มากอีกครั้ง) คือ ทางบริษัทไม่ลืมพนักงานคนหนึ่ง
(เงียบพูดไม่ออก ร้องไห้หนัก) ทำให้มีกำลังใจ ที่จะเลี้ยงลูก (ร้องไห้หนัก) ขอบคุณพี่ๆ
ที่ลำพูน ที่กรุงเทพฯ พี่สรยุทธ ที่ไม่ลืม มาถึงก็มาเยี่ยม
ผู้ใหญ่ผู้บริหารทุกท่านที่มีนโยบายช่วยอดีตพนักงาน
คำถาม: สำหรับเป็นคำถามที่ผมอยากให้คุณอรสาเล่าถึงบรรยากาศในบริษัทที่จังหวัดลำพูนว่าเป็นอย่างไรบ้างเมื่อทราบเรื่องที่มีการช่วยครอบครัวคุณอรสา
ครับ
คุณอรสา: ค่ะ จะทราบกันเยอะค่ะ เวลามีอบรมก็จะมีการพูดถึงโครงการที่ให้ความช่วยเหลือครอบครัวเรา
ในกลุ่มพนักงานมีการพูดคุยกันว่า ทางบริษัทไม่ทิ้งถึงเป็นอย่างนี้แล้วก็ยังดูแล
แต่บริษัทอื่นคงไม่ดูแลแบบนี้ (ยังคงร้องไห้อยู่)
คำถาม: เกือบจะสุดท้ายแล้วครับ
อยากให้พูดถึงสักเล็กน้อยเรื่องเกี่ยวกับทางเครือข่ายที่เข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยคุณอรสาด้วยครับ
คุณอรสา: ค่ะ
ต้องขอขอบคุณคุณปรีดาและเครือข่ายที่มาช่วยเหลือครอบครัวเราเรื่องเอกสาร
ช่วยประสานงานทุกเรื่อง จากที่ไม่มีความรู้อะไรเลย (ร้องไห้อยู่) ขอบคุณจากใจจริงๆ
ค่ะ
อยากแบ่งปันให้ฟัง: ไม่ต้องกังวลใจอะไร
ตัวผมเต็มใจเรื่องนี้ ผมชอบทำบุญ และผมเชื่อว่า
ความปราณีของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ยังให้โอกาสผมได้กลับมาช่วยเหลือ
ใช้ความคิดที่ยังดีอยู่กับทุกๆ เรื่อง
คุณอรสา: ค่ะ ก็ขอให้ความดีคุ้มครอง ขอให้โครงการที่คุณปรีดาทำอยู่ สำเร็จลุล่วง
ไม่มีอุปสรรค
คำถาม: คำถามสุดท้ายแล้วครับ
คุณอรสา สนใจเข้าร่วมโครงการ Workable Organization ร่วมทุนเดือนละ
500 บาท ไหมครับ
คุณอรสา: ค่ะ สนใจค่ะ ยินดีเข้าร่วมโครงการเพื่อให้ทางคุณปรีดา
นำเงินตัวนี้ไปช่วยเหลือคนพิการท่านอื่นๆ ค่ะ
คำถาม: ผมขออนุญาต คุณอรสา ให้เบอร์มือถือไว้ เพื่อผู้อ่านท่านไหน
อยากโทรมาพูดคุยสอบถาม ว่าได้รับจริงไหมสิทธิตามมาตรา 35 เงินเป็นแสน
คุณปรีดามาตัดหัวคิวไปหรือเปล่า เพราะมีคนใส่ร้ายผมเยอะทั้งฝ่ายตรงข้ามทั้งพวกข้าราชการที่รู้เห็นการโกงของพวกนายกสมาคมต่างๆ
จะได้หายข้องใจกัน
คุณอรสา: ได้ค่ะ สามารถโทรมาสอบถามได้ อรสา กาปัญญา 088-252-1495
.........................................
คุณพน่อคุณแม่ ของคุณสราวุธ กาปัญญา ที่ได้ใช้สิทธิ์ตามมาตรา 35 ครับ |
เป็นธุรกิจซักอบรีด โดยมีเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ อยู่ในโครงการด้วยครับ |
ครับสำหรับบทความนี้เป็นอีกครั้งที่ผู้ถูกสัมภาษณ์ร้องไห้ตลอดเวลาการให้สัมภาษณ์
ผมต้องขอขอบพระคุณผู้บริหารระดับสูง ผู้จัดการทุกระดับ หัวหน้างานที่เกี่ยวข้อง
ของบริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ที่ได้ให้โอกาสกับครอบครัวอดีตพนักงานของบริษัทเองอย่างมาก
โอกาสดีๆ เหล่านี้สมควรอย่างยิ่งที่ครอบครัวคุณอรสา ได้รับครับ
ส่วนตัวผมเชิญชวนคนพิการและครอบครัวนะครับ
ในการเข้าร่วมโครงการกับเรา Workable
Organization
ร่วมสมัครเป็นสมาชิกกับเรา
อ่านรายละเอียดทั้งหมดก่อนตัดสินใจที่ลิงก์เว็บไซต์นี้ครับ https://workableorganization.blogspot.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น