ครอบครัวคุณธำมรงค์ นนทารักษ์ ได้รับสิทธิตามมาตรา 35 มูลค่า 112,420 บาท ในการทำอาชีพเลี้ยงหมู จ.ประจวบคีรีขันธ์ จากบริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ตอนที่ 2/4 ดำเนินการ


สวัสดีครับทุกท่าน บทความนี้เป็นบทความที่ผมตั้งใจว่า จะทำให้กับครอบครัวคนพิการทุกครอบครัวที่ได้รับสิทธิตามมาตรา 35 โดยจะแบ่งเป็น 4 ตอน มีตอนการใช้สิทธิ์ ตอนการดำเนินการ ตอนปิดบัญชี และตอนส่งมอบงาน สำหรับบทความนี้เป็นตอนการดำเนินงานของคุณธำมรงค์ นนทารักษ์ ที่ได้รับการส่งเสริมอาชีพเลี้ยงหมู จากบริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรา มาม่า” ซึ่งขณะนี้คุณธำมรงค์ ได้ดำเนินการจนมีความคืบหน้าไปได้แล้วพอสมควร จึงนำบทความมาเผยแพร่ให้ทุกท่านได้อ่านประกอบความรู้ และประสบการณ์กันก่อนครับ ในตอนนี้นั้นผมขอนำเสนอเป็นบรรยากาศอารมณ์พูดคุย ไม่ถึงกับสัมภาษณ์นะครับ และจะมีภาพประกอบด้วยครับ

ภาพรวมนะครับ คือ คุณธำมรงค์ และภรรยา คุณม่วยเจียง ได้รับเงิน 112,420 บาท เรียบร้อยแล้ว ได้มัดจำน้องหมูและแม่หมู 1 คอกแล้ว อีกทั้งการปรับพื้นที่ของโรงเรือนก็ทำไปแล้วระดับหนึ่ง ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนพฤษภาคม 2563 นี้ครับ




การพูดคุยสนทนากับคุณธำมรงค์ นนทารักษ์ คนพิการที่มีภรรยาเป็นผู้ใช้สิทธิมาตรา 35 อาชีพเลี้ยงหมู ครับ

ปรีดา: สวัสดีครับน้องรงค์ พบกันอีกครั้ง ครั้งนี้มีความคืบหน้าอย่างไร จะได้มาพูดคุยกันให้รู้ความคืบหน้าร่วมกันนะครับ พี่ถามคำถามแรกเลยดีกว่าครับ เงินทุน 112,420 บาทจากบริษัทมาม่า เข้าบัญชีแล้ว น้องรงค์กับคุณม่วยเจียง รู้สึกอย่างไรบ้างครับ

ธำมรงค์: ครับพี่ปรีดา บัญชีของเมียผมไม่ได้ทำระบบอัตโนมัติอะไร หมายถึงถ้ามีเงินโอนเข้ามาเราจะไม่รู้เรื่อง ผมกับเมียจะใช้วิธีหมั่นเอาสมุดบัญชีไปอัพเดท หลังวันที่ 20 กว่าๆ ก็เริ่มอัพเดทสมุดบัญชีครับ อีกทีหนึ่งก็รู้ว่าถ้าพี่ปรีดารู้ว่ามีการโอนเงินคงโทรมาแจ้ง หรือทางบริษัทมาม่าจะโทรมาแจ้งเช่นกันครับ แต่เราก็ยังอยากรู้เองด้วยละครับ จนเงินเข้าบัญชี พี่ปรีดาครับ มันตื่นเต้น ทั้งดีใจ บอกไม่ถูก มันเป็นเงินก้อนที่มันหาไม่ได้แล้ว อย่างผมกับเมียนะพี่ ไปกู้ใครก็ไม่มีใครให้หรอก ไปธนาคารไหนเขาก็ไม่ให้ 2 หมื่นบาทยังยากเลยครับ ธนาคารดูนู่นดูนี่ แต่นี่เงินเป็นแสน เงินทุนที่ทางบริษัทมาม่า ให้มาทำทุนโดยไม่ต้องคืน มันเป็นอะไรที่บอกไม่ถูกครับ ดีใจมากๆ ครับ ต้องขอขอบพระคุณทางบริษัทมาม่าอย่างมากครับ

ปรีดา: ถามรงค์ต่อว่า เรื่องนี้นอกจากภรรยาที่ใช้สิทธิ์แทน มีญาติพี่น้องเพื่อนฝูง ใครรู้เรื่องนี้บ้าง แล้วรู้สึกกันอย่างไรบ้างครับ

ธำมรงค์: ครับพี่ ที่บ้านรู้ทุกคนครับ แต่ก็ยังแปลกใจถึงการสนับสนุนเป็นเงินก้อน เพราะ 2 ปีที่ผ่านมา ผมจะได้รับเงินตลอดทั้งปี 4 ครั้ง ทยอยได้รับเงิน แต่ครั้งนี้เป็นยอดรวม แสนกว่าบาท ที่บ้านก็ดีใจด้วยมากๆ และก็สนับสนุนทุกเรื่องครับ อย่างที่ผมกับเมียจะย้ายเข้าไปอยู่ด้วยกัน ก็ไม่ว่าอะไร เพราะต้องไปดูแลหมูด้วยครับ ส่วนเพื่อนๆ ที่เป็นคนปกติ ผมก็ไม่ได้พูดคุยอะไรด้วยมากครับ แทบไม่มีใครรู้ ส่วนเพื่อนที่พิการคนที่รู้ ก็สนใจอยากจะได้บ้างครับ ถามผมว่าต้องทำยังไง ผมก็อธิบายคร่าวๆ ครับ

มีบ้างบางคนก็ไม่เชื่อครับ ผมคิดว่าคงเป็นอย่างที่พี่ออกมาต่อสู้ครับ บางรายได้เงินประมาณ 20,000 บาทเท่านั้น แล้วก็มีบางคนที่รู้จักพี่ ก็จะชอบพูดว่าพี่โกงเงินคนพิการครับ ซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจอะไรเลย เพราะที่ผ่านมาพี่ไม่เคยมาเรียกเงินอะไรจากผมครับ ผมก็บอกเขาไปว่า ไม่มีนะ พี่ปรีดาไม่เคยเรียกเงินทองอะไร แล้วคนที่ว่าพี่ ผมก็ไม่ค่อยคุยกับเขาหรอก มันคุยไปก็เท่านั้นครับ

ปรีดา: เข้าใจครับ คนพิการทุกคนที่ผ่านมือผมมาตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบัน จะรู้ดี ผมทำโครงการพัฒนาอาชีพให้คนพิการก่อนกฎหมายบังคับใช้เสียอีก ตอนกฎหมายไม่บังคับใช้คนพิการบางคนมีความสามารถมากๆ แค่ 3 เดือนก็ได้แล้วเงินแสนกว่าบาท ปัจจุบันพอมีมาตรา 35 ที่มีมูลค่าเป็นแสนบาทผมจะดีใจทุกครั้งกับ ทุกคนที่ได้รับ และตัวผมเองยังไม่เคยแม้แต่จะคิดเอาสิทธิ์มาตรา 35 เข้าตัวเอง คนอื่นไม่รู้แต่ใจผมรู้ตัวเองดี คนอื่นจะว่าเป็นร้อยเป็นพันก็ไม่มีใครรู้ความจริงก็ช่างเขา ส่วนคนพิการที่จ้องทำร้ายผมนั้น พวกนี้เขาถูกสั่งมาตั้งแต่แรกให้มาปั่นป่วน จากพวกนายใหญ่ที่ทุจริตคอรัปชั่นเพราะเห็นว่าผมทำถูกต้องไม่โกง แต่พวกข้าราชการน่าสนใจกว่า แทบจะทั่วประเทศที่รู้จักผมแบบแปลกๆ

ธำมรงค์: ครับพี่ ที่จังหวัดผมก็เหมือนกันครับ เจ้าหน้าที่ที่จะมาตรวจสิทธิ์ผม ส่งรูปภาพของพี่มาให้ผมดู คงจะเอามาจากในอินเตอร์เน็ต เพราะพี่มีทั้งข้อมูลทั้งภาพในอินเตอร์เน็ตเต็มไปหมดเวลาค้นหา ผมก็ตอบไปว่า “ใช่ครับคนนี้ละครับพี่ปรีดา ที่ดูแลโครงการของบริษัทมาม่าที่ผมใช้สิทธิ์” พวกเขาก็เงียบไป แต่เทียวโทรมาถามว่า ได้เงินหรือยัง ซื้อหมูรึยัง จะมาตรวจอีกครับ

ปรีดา: ปล่อยเขาไป เป็นอย่างนี้ละ ชื่อเสียงผม ถ้าโดนตรวจบ่อยๆ ไม่แปลก แต่ของผมคนเดียวนะ ถ้าเป็นสมาคมคนพิการ หรือบางมูลนิธิ เขาไม่มาตรวจหรอก ช่างเถอะอีกหน่อยพอผมทำเต็มที่ ข่าวจะลือใหม่ แต่ถ้าให้ดีต้องให้พวกทุจริตติดคุกกันไปก่อน จะได้ดังขึ้นไปใหญ่ ถามรงค์ต่อดีกว่า ว่าพอได้เงินแล้ว รงค์กับภรรยาดำเนินการอย่างไรบ้าง

ธำมรงค์: ครับพี่วันอาทิตย์นี้ ผมก็จะกลับไปอยู่ที่บ้าน นอกเมืองแล้วครับ ผมกับเมียบอกเลิกสัญญาเช่าบ้านไปแล้วครับ ผมบอกขายร้านก๋วยเตี๋ยวไปด้วยครับ เพราะคงจะไม่ได้ขายแล้ว อีกอย่างผมต้องการรวบรวมทุนที่ยังขาดอยู่ครับ ไปๆ มาๆ ผมต้องใช้เงินถึง 150,000 บาทครับ เพราะผมทำโรงเรือนเลี้ยงหมูอย่างดี ทำไว้เผื่อลูกหลานด้วย หรือผมเป็นอะไรไปผมก็ไม่ต้องห่วงเมียผมครับ ลงทุนครั้งนี้ผมตั้งใจที่สุดครับ ส่วนเงินที่ยังขาดอยู่ผมจะไปทำกู้มาจากทางจังหวัดที่เป็นสิทธิคนพิการครับ

รถขุดตักดิน กำลังปรับพื้นที่แล้วขุดหลุม สำหรับทำโรงเรือนและปรับสภาพแวดล้อม ครับ


ปรีดา: รงค์ต้องดูดีๆ ก่อนนะในส่วนที่เพิ่ม หรือส่วนที่กู้ มันได้ไม่เร็วหรอกเงินกองทุน แต่ผมแนะนำนะว่าทำอะไรต้องยึดหลักวงเงิน 112,420 บาท รายการไหนที่ทำตามงบประมาณแล้วจบก็เร่งทำเลย ส่วนตัวขยาย เช่น ซื้อหมูเพิ่มอีกคอกหนึ่ง ก็ไปซื้อเพิ่มเติมจากที่ปิดยอดเงินที่ได้รับจากทางบริษัทมาม่า อันนั้นไม่ติดปัญหาอะไร เพราะของทุกๆ คน ผมก็เร่งให้รีบซื้อสินค้า วัสดุ อุปกรณ์ ตามงบประมาณโครงการครับ เท่าที่ผมติดตามของคุณฐานิดา กับพี่จินตนา อีกประมาณ 1 สัปดาห์ก็จะปิดงานได้ทั้งหมด ส่วนของคนอื่นๆ ส่วนใหญ่ก็เป็นภายในเดือนพฤษภาคมนี้ครับ ซึ่งผมก็จะนำมาทำเป็นบทความให้ครบทุกคน

ธำมรงค์: ครับพี่ผมก็จะไม่ฝืน ส่วนของทางบริษัทมาม่า ผมก็จะทำให้จบตามงบประมาณ แต่ในส่วนที่เพิ่มยังไงผมก็ต้องทำให้ได้ด้วยครับ เพราะผมกับเมีย ตอนที่ทางบริษัทมาม่ามาตรวจ ผมอยากให้ทางมาม่ารู้สึกถึงความตั้งใจของเราด้วยครับ

ปรีดา: โอเค แล้วทำไปถึงไหนแล้วครับ ถ่ายภาพไว้เยอะๆ นะ คนอื่นจะได้ประโยชน์ด้วย เวลาเข้ามาอ่านบทความ

ธำมรงค์: ครับพี่ ผมเสียดายช่างที่มาทำงาน อายุมากแล้ว ใช้มือถือเก่ามาก ถ่ายภาพไม่ได้ วันอาทิตย์นี้ผมย้ายกลับบ้านแล้ว คงได้มีถ่ายภาพดีๆ ส่งให้พี่ครับ ผมอ่านบทความของคนอื่นผมก็อยากอ่านของตัวเองด้วยครับ ตอนนี้ผมให้ช่างปรับพื้นที่หลังบ้านแล้ว มีขุดหลุมแล้ว ผมคิดว่าตัวโรงเรือนน่าจะเสร็จภายในเร็วๆ นี้ครับ ส่วนหมูผมก็มัดจำแล้วครับ ผมมัดจำไป 3,000 บาทครับ






อิฐสำหรับทำคอกเลี้ยงหมูครับ


โรงเรือนที่ทำใกล้เสร็จแล้วครับ


โครงสร้างและหลังคา ทำด้วยเหล็ก น้องรงค์และภรรยา ตั้งใจทำอย่างดีครับ



ด้านข้างโรงเรือนมีป่ากล้วยอยู่ด้วย



น้องรงค์จะใช้ต้นกล้วยมาทำหยวกกล้วยให้หมูกินด้วยครับ


ปรีดา: แล้วใบรับเงินละครับ ได้ขอเข้ามาด้วยรึเปล่า

ธำมรงค์: ช่างยังทำไม่เสร็จครับ ส่วนหมูมันยังมีเงินส่วนที่เหลืออยู่ ผมก็ว่าถ้าเสร็จแล้วค่อยให้เขาเซ็นต์ชื่อทีเดียวครับ

ปรีดา: ไม่ได้นะรงค์ อย่างนี้ผมแนะนำนะรงค์ สมมุติรับเหมารวมของรวมแรง 50,000 บาท รงค์ต้องจ่ายมัดจำอยู่แล้วหรือเขาเรียกจ่ายงวดแรก ในใบรับเงินที่ผมให้ไป ก็ให้เขาเขียนรวมมาเลยว่า 50,000 บาท เพียงแต่ในบรรทัดถัดลงมาก็วงเล็บว่าจ่ายงวดที่ 1 เท่าไหร่ก็เขียนไป แล้วไปลงตัวเงินงวดที่ 1 ทางช่องจำนวนเงินขวามือสุด เวลาทำ “ใบรับเงิน” ให้ยึดตามการจ่ายจริง จะจ่ายกี่ครั้งไม่เป็นไร ขอให้จ่ายจริงๆ กี่ใบรับเงินก็ไม่เป็นไร ทำแบบนี้ก็ป้องกันการหนีงานเชิดเงินไปด้วย หมูก็เหมือนกันครับ จ่ายมัดจำก็ต้องให้เซ็นต์ใบรับเงิน เอาหมูมาส่งแล้วจะจ่ายส่วนที่เหลือก็ให้เซ็นต์อีกใบครับ

ธำมรงค์: ครับพี่ เดี๋ยวผมทำตามที่พี่แนะนำครับ

ปรีดา: คุยถึงตรงนี้พี่ก็ยังห่วงๆ ของรงค์กับคุณม่วยเจียง อยู่นะ พอดูๆ แล้วจะต่างจากของคนอื่นครับ อย่างของคุณฐานิดา เหมือนมีคอกวัวเก่าอยู่แล้ว แต่ของรงค์ต้องทำใหม่ ไหนจะเรื่องตัวอาหารที่เลี้ยงหมูด้วย ไม่งั้นรงค์อาจจะต้องศึกษาเพิ่มเติมแทนนะว่าส่วนไหนจะไปชดเชยกันได้ เพราะสมัยก่อนอาหารหมู ถ้าเราใช้เป็นหยวกกล้วยสับกับผักต่างๆ กับข้าวสุก ไม่ใช้อาหารสัตว์จะได้ไหม เป็นต้นครับ เดี๋ยวรงค์ย้ายกลับไปที่บ้านนอกเมืองแล้ว พี่เขียนบทความของพี่จินตนา คุณฐานิดา เรียบร้อยใน “ตอนที่ ¾ ปิดบัญชี” ของทั้งสองคนแล้ว พี่จะมาจี้ที่รงค์ เพราะทั้งเป็นห่วงและอยากให้คนอื่นได้ความรู้ไปด้วยว่าทำโครงการดีๆ ไม่ถูกโกง ทำอย่างไร

ธำมรงค์: ครับพี่ผมเองก็จะพยายามให้ดีที่สุดครับ หลังวันอาทิตย์นี้ไปแล้ว ผมคิดว่างานน่าจะคืบหน้าครับ ผมจะไปคุมงานเองทุกเรื่องครับ จะทยอยส่งภาพ และจัดการเรื่องใบรับเงินด้วยครับ

ปรีดา: ดีมากครับรงค์ เพราะผมอยากให้ทุกโครงการในปีนี้ ออกมาดีที่สุด เราทุกคนต้องร่วมมือกัน ทำสิ่งที่ดีงาม ทำให้คนพิการทั่วประเทศตาสว่างเสียทีว่า ทีพวกเขาใช้สิทธิ์กันอยู่ พวกนายกสมาคมต่างๆ ไม่ได้มีเจตนาจะช่วยเหลือให้มีอาชีพที่ยั่งยืนอะไร คิดแต่จะโกงจะกินส่วนต่าง แล้วคนพิการก็ยากจนเหมือนเดิม ต่างจากโครงการของบริษัทมาม่า หรือบริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ที่ตรงไปตรงมา โอนเงินให้คนพิการครบ แล้วครอบครัวคนพิการทุกคนก็ทำตรงตามที่เสนอโครงการมา  เพราะบางบริษัทมันก็โกงคนพิการเสียเอง

ธำมรงค์: มีด้วยหรือครับพี่ บริษัทที่โกงคนพิการ ผมคิดว่ามีแต่นายกสมาคมที่โกงคนพิการ

ปรีดา: มีสิครับน้องรงค์ ผมยกตัวอย่าง ถ้าเป็นน้องรงค์จะสงสัยไหม ก็รู้ทั้งรู้ว่า นายกสมาคมคนพิการนี้โกงคนพิการแน่ๆ คุณเป็นสถานประกอบการเอกชน คุณก็ยังให้โควต้าเขาอีก ซ้ำไปซ้ำมา ก็คงจะขอส่วนต่างเหมือนกันไม่งั้นไม่ให้โควต้าจำนวนสิทธิ์คนพิการหรอก ผมขึ้นศาลแรงงานภาค ๑ มาแล้ว เร็วๆ นี้จะเปิดโปงเป็นบทความที่เร่งพิมพ์อยู่ มีบริษัทแห่งหนึ่งในสมุทรปราการต้องจ้างงานคนพิการ 100 คน ผมเข้าร่วมไกล่เกลี่ยกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย คำพูดของเขาทั้งหมด ตีความได้เลยว่า ฝ่ายกฎหมายกับฝ่ายบุคคลร่วมมือกันโกงเงินคนพิการผ่านองค์กรคนพิการแห่งหนึ่งในจังหวัดนนทบุรี ผมบอกให้รงค์เข้าใจนะว่า รงค์โคตรโชคดีเลย โชคดีที่มาเจอกับพี่ และโชคดีที่สุดที่ได้บริษัทมาม่าสนับสนุน ข้างนอกเขาโกงสิทธิ์คนพิการเป็นส่วนใหญ่ เดี๋ยวอีกไม่ช้าภายในปีนี้ละความจริงจะทยอยปรากฎออกมา ปีนี้พี่จะคุยกับผู้ใหญ่ทุกบริษัทที่พี่รู้จัก ให้พี่ดูแลโครงการให้ พี่จะทำให้ทุกอัตราทุกโควต้า สร้างอาชีพที่ยั่งยืน คือช่วยครอบครัวคนพิการ ช่วยคิดช่วยให้คำปรึกษาทุกครอบครัว ทุกอาชีพ เพราะว่าแต่ละครอบครัวมีต้นทุนไม่เหมือนกัน ไม่เท่ากัน และถ้าครอบครัวไหนทำไม่ได้ไม่พร้อมก็ให้เป็นเจ้าของธุรกิจแทน

ธำมรงค์: ใช่ครับพี่ผมก็รู้ตัวว่าผมโชคดีมาก พี่ปรีดาไม่ได้เป็นอย่างที่ใครๆ เล่าลือกันว่าโกง ใครพูดผมจะเถียงแทนพี่ทุกครั้งเพราะผมอยู่ใกล้พี่รู้ความจริงทั้งหมด และทางบริษัทมาม่าก็ดีกับผมมาก โอนเงินให้ผมตลอด 2 ปี รวมถึงครั้งนี้ด้วยครับ

ปรีดา: รงค์กับคุณม่วยเจียง ตั้งใจทำตามงบประมาณ ตามโครงการที่ขอไป ทุกรายการนายเป็นคนเสนอเอง ทำเกินได้อย่าทำขาด ทำให้สำเร็จ ยังมีคนพิการอีกมากที่เฝ้าดูรอคอยให้ครอบครัวของรงค์ทำให้สำเร็จเป็นต้นแบบให้พวกเขา ตามที่เราคุยกัน อาชีพเลี้ยงหมูของครอบครัวรงค์จะต้องเป็น “ศูนย์การเรียนรู้สิทธิมาตรา 35 (7) ความช่วยเหลืออื่นใด” ตามรอยอาชีพเลี้ยงวัว ของคุณฐานิดา ที่ จ.กาฬสินธุ์ เช่นกันครับ

น้องหมูยกครอก จองตัวไว้แล้วครับ


ปรีดา: คำถามสำคัญแล้วครับ รงค์มีคำพูดฝากถึงผู้ใหญ่ของทางบริษัทมาม่า อย่างไรเชิญเลยครับ

ธำมรงค์: ครับพี่ปรีดา ผมกับภรรยา เราสองคนต้องขอขอบพระคุณในการให้การสนับสนุนสิทธิมาตรา 35 อย่างต่อเนื่องให้กับครอบครัวผมเป็นอย่างสูงครับ ผมย้ายมาอยู่ตรงที่ผมทำคอกหมูแล้ว ผมจะตั้งใจทำโครงการเลี้ยงหมูให้เสร็จในเร็ววัน และเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับคนพิการอื่นๆ ที่จะมาดูงานหรือโทรมาสอบถามครับ ผมจะทำให้เงินทุนที่ได้รับมางอกเงย เลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวให้ตรงตามเจตนาของทางบริษัทมาม่าทุกบาททุกสตางค์ครับ ผมขอให้ทางบริษัทมาม่าเจริญๆ ร่ำรวย ขายได้มากๆ แม้จะเป็นช่วงไวรัสโควิดก็ขายดี และช่วยเหลือคนพิการในการมีอาชีพแบบนี้ไปตลอดครับ ผมขอขอบพระคุณอย่างสูงอีกครั้งครับ

ปรีดา: ผมลืมไปเลยนะรงค์ คราวที่แล้วไม่ได้ขอมือถือนายให้คนอื่นโทรมาสอบถาม ครั้งนี้ต้องให้ไว้ด้วยนะครับ

ธำมรงค์: ครับพี่ปรีดา หากมีท่านใดสงสัยโทรมาสอบถามทุกเรื่องนะครับ นายธำมรงค์ นนทารักษ์ มือถือผม 081-418-4922

ปรีดา: ทุกท่านครับ ครอบครัวน้องธำมรงค์กับคุณม่วยเจียง กำลังจะเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการส่งเสริมอาชีพครอบครัวคนพิการที่ส่วนตัวผมเป็นห่วงสถานประกอบการอย่างมากที่จะตกเป็นเหยื่อของสมาคมคนพิการ/ มูลนิธิ ที่ต้องเรียกว่า “โกงทั้งแผ่นดิน” เป็นส่วนใหญ่ สุดท้ายสถานประกอบการที่นำโควต้าจ้างงานคนพิการไปผ่านสมาคม มูลนิธิ ที่ทุจริตคอรัปชั่น เมื่อถึงวันที่คนพิการรู้ความจริงแล้วลุกขึ้นมาร้องเรียน สถานประกอบการนั้นต้องจ่ายเงินซ้ำอีกรอบเข้ากองทุนส่งเสริมคนพิการฯ ซึ่งทุกบทความผมได้วางเอกสารที่ถูกต้องถูกกฎหมายไว้และให้ความรู้ควบคู่ไปด้วย จะได้นำไปเป็นตัวอย่างที่ดีได้ครับ

พิมพ์เมื่อ 9 พฤษภาคม 2563

สำหรับโครงการ Workable Organization หากคนพิการและผู้ดูแลคนพิการได้เข้าร่วม ก็จะได้รับสิทธิมาตรา 35 เช่นเดียวกันกับหลายๆ ท่านที่ได้รับโอกาสดีๆ จากบริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ในเว็บไซต์ รวมถึงคุณธำมรงค์ นนทารักษ์ ในบทความนี้เช่นเดียวกันครับ

ส่วนตัวผมเชิญชวนคนพิการและครอบครัวนะครับ ในการเข้าร่วมโครงการกับเรา Workable Organization ร่วมสมัครเป็นสมาชิกกับเรา อ่านรายละเอียดทั้งหมดก่อนตัดสินใจที่ลิงก์เว็บไซต์นี้ครับ https://workableorganization.blogspot.com/



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น